กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: [1] 2 3 ... 10
1
หลายคนอาจมองว่าเรื่อง “วางแผนเกษียณ” เป็นเรื่องไกลตัว และมักจะผลัดวันประกันพรุ่งอยู่เสมอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การเริ่มต้นวางแผนตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ จะช่วยให้คุณมีชีวิตบั้นปลายที่มั่นคงและมีความสุขได้อย่างแท้จริง บทความนี้จะชวนคุณมาทำความเข้าใจว่าทำไมการวางแผนเกษียณถึงสำคัญ และมีขั้นตอนอย่างไรบ้างที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที

การวางแผนเกษียณไม่ใช่แค่เรื่องการเก็บเงิน แต่เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับช่วงชีวิตที่รายได้หลักจากการทำงานจะลดลงหรือหายไปเลย
สร้างความมั่นคงทางการเงิน: เพื่อให้คุณมีเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอย่างไม่ติดขัด โดยไม่ต้องพึ่งพาลูกหลาน
ใช้ชีวิตตามที่ฝันไว้: ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวรอบโลก การทำกิจกรรมที่ชอบ หรือใช้เวลาอยู่กับครอบครัวอย่างเต็มที่
รับมือกับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด: เช่น ค่ารักษาพยาบาลที่อาจสูงขึ้นตามอายุ



การวางแผนเกษียณมีหลายวิธี ไม่มีสูตรตายตัว แต่คุณสามารถเริ่มต้นได้จาก 4 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
1. ตั้งเป้าหมาย: อยากมีเงินใช้จ่ายเท่าไหร่ตอนเกษียณ
ขั้นแรกคือการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน ลองคำนวณดูว่าหลังเกษียณคุณอยากใช้เงินเดือนละเท่าไหร่ หากต้องการใช้ชีวิตแบบเดิม อาจลองประเมินจากค่าใช้จ่ายปัจจุบัน แล้วบวกเพิ่มด้วยอัตราเงินเฟ้อที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า เช่น หากปัจจุบันมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 20,000 บาท และวางแผนเกษียณในอีก 30 ปีข้างหน้า เงินจำนวนนี้อาจมีมูลค่าเทียบเท่ากับ 50,000 บาทต่อเดือนในอนาคต

2. คำนวณเงินออมที่ต้องมี
เมื่อรู้เป้าหมายแล้ว ก็ถึงเวลาคำนวณว่าคุณต้องมีเงินเก็บก้อนใหญ่เท่าไหร่จึงจะเพียงพอ โดยทั่วไปจะใช้หลักการคำนวณแบบย้อนกลับ เช่น ถ้าอยากมีเงินใช้เดือนละ 50,000 บาท และคาดว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณไปอีก 20 ปี คุณอาจต้องมีเงินเก็บอย่างน้อย 12 ล้านบาท (50,000 บาท x 12 เดือน x 20 ปี) ซึ่งตัวเลขนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและคำนวณได้ว่าในแต่ละเดือนคุณควรจะออมเงินเท่าไหร่

3. วางแผนการออมและการลงทุน
การออมเงินอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะสู้กับเงินเฟ้อได้ การลงทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เงินของคุณงอกเงย ลองพิจารณาทางเลือกเหล่านี้:
กองทุนรวม: มีให้เลือกหลากหลายประเภท ตั้งแต่ความเสี่ยงต่ำไปจนถึงความเสี่ยงสูง
หุ้น: เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน
อสังหาริมทรัพย์: หากมีเงินทุนมากพอ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่าก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ
ประกันชีวิตและบำนาญ: เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณมีเงินใช้จ่ายหลังเกษียณอย่างสม่ำเสมอ

4. ทบทวนแผนอย่างสม่ำเสมอ
สถานการณ์การเงินและเป้าหมายในชีวิตของคุณอาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ดังนั้นควรทบทวนแผนเกษียณของคุณอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อปรับปรุงและปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันอยู่เสมอ

เริ่มต้นวางแผนเกษียณตั้งแต่วันนี้
ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ การเริ่มต้นวางแผนเกษียณตั้งแต่วันนี้คือสิ่งที่ดีที่สุด หากคุณอายุยังน้อย มีเวลาให้เงินของคุณงอกเงยอย่างเต็มที่ และหากเริ่มช้าไปบ้าง ก็ไม่ได้หมายความว่าสายเกินไปยังสามารถเริ่มวางแผนได้เลย เพียงแค่ต้องเพิ่มจำนวนเงินออมหรือลงทุนให้มากขึ้น

การวางแผนเกษียณอาจดูเป็นเรื่องซับซ้อน แต่หากเริ่มต้นจากขั้นตอนง่ายๆ ทีละน้อยจะสามารถสร้างความมั่นคงทางการเงินและใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างไร้กังวลประกันชีวิตผู้สูงอายุ 80 ปีขึ้นไป






2

Leveling up weapons in Call of Duty: Black Ops 7 can feel like a grind, especially if you’re trying to unlock attachments across multiple classes. The good news is that there are reliable ways to speed up the process and maximize your weapon XP gains. Below are 15 strategies that experienced players often use to climb through levels faster without burning out.


1. Play Objective-Based Modes


Modes like Domination and Hardpoint give you more opportunities to rack up kills and assists while focusing on objectives, which translates to steady XP gains.


2. Focus on Kill Confirmed


Collecting dog tags gives bonus XP on top of eliminations, making this mode ideal for consistent weapon progression.


3. Take Advantage of Double XP Events


Whenever Treyarch runs a double weapon XP event, prioritize grinding your unfinished weapons. These weekends can save you hours of effort.


4. Stick to Smaller Maps


Tight maps naturally create more engagements, meaning more kills and more XP in shorter matches. Nuketown-style maps are perfect examples.


5. Play Aggressively Early Game


The faster you find fights, the faster you get XP. Even if you die more often, you’ll accumulate more weapon usage per match.


6. Equip XP-Boosting Perks and Gear


Some perks and operator skills give indirect boosts by helping you stay alive longer, giving you more chances to use your weapon.


7. Grind in Bo7 Bot Lobbies


Practicing in bo7 bot lobbies lets you test weapons in a controlled environment and steadily rack up weapon levels without competitive stress.


8. Buy Bo7 Bot Lobbies for Extra Practice


Some players even choose to buy bo7 bot lobbies through services like U4N to maximize efficiency. This is especially helpful when you want to test multiple weapons in quick succession.


9. Aim for Headshots


Headshots give bonus XP. Training yourself to consistently land them pays off big when farming attachments.


10. Use Double Weapon XP Tokens


Stack these with double XP weekends when possible to multiply your gains.


11. Focus on Multi-Kill Opportunities


Throw yourself into enemy clusters and aim for doubles or triples. Multi-kills give significant XP boosts.


12. Stick With One Weapon at a Time


Spreading your time across multiple guns slows progress. Dedicate a session or two to maxing out one weapon before moving on.


13. Use Suppressed Builds for Survival


Surviving longer keeps you in more fights. Suppressors prevent you from appearing on radar, giving you more chances to build XP.


14. Pair Weapons with Strong Secondary Loadouts


Having a reliable secondary ensures you stay in fights even when your primary runs out of ammo, leading to more eliminations overall.


15. Track Progress and Rotate Loadouts


Once you’ve maxed a weapon, rotate to the next. Keeping track prevents wasted time on fully leveled guns.




Farming weapon XP in COD BO7 is all about combining efficiency with smart play. Whether you’re grinding in public matches, experimenting in bo7 bot lobbies, or exploring options to buy bo7 bot lobbies via communities like U4N, the goal is to maximize every minute of gameplay. Stick to these strategies, and you’ll unlock attachments faster while becoming more versatile across the arsenal.
3
หมอออนไลน์: ประจำเดือนไม่มา/ประจำเดือนขาด (Amenorrhea)

ประจำเดือนไม่มา หรือประจำเดือนขาด เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้หญิงทั่วไป

ปกติผู้หญิงจะเริ่มมีประจำเดือนมาครั้งแรกระหว่างอายุ 11-14 ปี ถ้าเลยช่วงอายุนี้ไปแล้ว ยังไม่มีประจำเดือนมา ก็ถือว่าผิดปกติ ในที่นี้ขอเรียกว่า ภาวะประจำเดือนไม่เคยมา (primary amenorrhea)

ผู้หญิงบางคนเคยมีประจำเดือนมาเป็นประจำ แล้วอยู่ ๆ ก็ไม่มาหรือขาดหายไป ด้วยสาเหตุต่าง ๆ ในที่นี้ขอเรียกว่า ภาวะประจำเดือนขาด (secondary amenorrhea) ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยกว่าภาวะประจำเดือนไม่เคยมา

สาเหตุ

ภาวะประจำเดือนไม่เคยมา อาจมีสาเหตุเกี่ยวกับความผิดปกติของรังไข่หรือฮอร์โมนในร่างกาย หรืออาจมีความผิดปกติทางโครงสร้าง (กายวิภาค) ของมดลูก หรือช่องคลอด เช่น เยื่อพรหมจรรย์ไม่เปิด ไม่มีมดลูก รังไข่ หรือช่องคลอดมาแต่กำเนิด เป็นต้น

แต่ส่วนมากจะมีสาเหตุจากการเจริญเติบโตเป็นสาว (แตกเนื้อสาว) ช้าโดยธรรมชาติ โดยไม่มีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้น และมักจะมีประจำเดือนมาก่อนอายุครบ 16 ปี ถ้าเลยจากนี้ไปแล้วก็น่าจะมีสาเหตุที่ผิดปกติต่าง ๆ

ภาวะประจำเดือนขาด ที่พบได้บ่อย ก็คือ การตั้งครรภ์ การฉีดยาคุมกำเนิด หลังคลอดบุตร หรือให้นมบุตร ความเครียดทางจิตใจ เป็นต้น ส่วนน้อยอาจมีสาเหตุจากกลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ชนิดหลายถุง เนื้องอกของต่อมใต้สมอง ต่อมหมวกไตหรือรังไข่ การผ่าตัดมดลูกหรือรังไข่ทั้ง 2 ข้าง โรคชีแฮน โรคคุชชิง ตับแข็ง ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน ภาวะไตวายเรื้อรัง ภาวะโลหิตจาง รูปร่างผอมหรืออ้วนไป ร่างกายอ่อนแอจากการเจ็บป่วยเรื้อรัง เป็นต้น

สาเหตุดังกล่าวได้สรุปไว้ใน ตรวจอาการประจำเดือนขาด/ไม่มา


อาการ

ภาวะประจำเดือนไม่เคยมา บิดามารดาหรือตัวผู้ป่วยเอง สังเกตว่าประจำเดือนครั้งแรกยังไม่มา ทั้ง ๆ ที่เลยอายุควรจะมีประจำเดือน (อายุเลย 14 ปี)

โดยทั่วไปมักจะไม่มีความผิดปกติอื่น ๆ นอกจากมีสาเหตุจากความผิดปกติเกี่ยวกับรังไข่หรือฮอร์โมนก็อาจไม่มีการเจริญเติบโตทางเพศ เช่น หน้าอกแฟบเหมือนผู้ชาย ไม่มีขนรักแร้ หรือขนที่อวัยวะเพศ เป็นต้น

ในรายที่เกิดจากเยื่อพรหมจรรย์ไม่เปิด (imperforate hymen) ผู้ป่วยมักมีเลือดประจำเดือนออกทุกเดือน แต่จะคั่งอยู่ในช่องคลอดเพราะเยื่อพรหมจรรย์ปิดกั้นไว้ ผู้ป่วยอาจรู้สึกปวดท้องเป็นประจำทุกเดือน และอาจตรวจพบเยื่อพรหมจรรย์โป่งพองขึ้น เนื่องจากมีก้อนเลือดที่คั่งในช่องคลอดคอยดันเยื่อนี้ให้โป่งออก

ภาวะประจำเดือนขาด ผู้ป่วยซึ่งปกติเคยมีประจำเดือนมาเป็นประจำทุกเดือน อยู่ ๆ ก็ไม่มีประจำเดือนมา ส่วนมากจะไม่มีความผิดปกติอื่น ๆ นอกจากในรายที่เกิดจากการตั้งครรภ์ อาจมีอาการแพ้ท้อง

ในรายที่เกิดจากเนื้องอกของรังไข่ ต่อมหมวกไต หรือต่อมใต้สมอง อาจมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดศีรษะเรื้อรัง ตามืดมัวลงเรื่อย ๆ มีหนวดและขนขึ้นผิดธรรมชาติ น้ำนมออกผิดธรรมชาติ เป็นต้น

ในรายที่เป็นโรคชีแฮน ก็อาจมีอาการอ่อนเพลีย เฉื่อยเนือย เต้านมแฟบ ขนรักแร้และขนที่อวัยวะเพศร่วง

ในรายที่เกิดจากโรคกังวลหรือซึมเศร้า ก็มักมีความวิตกกังวล นอนไม่หลับ เบื่อหน่าย ท้อแท้สิ้นหวัง

นอกจากนี้ อาจมีอาการแสดงต่าง ๆ ตามสาเหตุที่พบ เช่น กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ชนิดหลายถุง โรคคุชชิง ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน ไตวายเรื้อรัง ซีด เป็นต้น


ภาวะแทรกซ้อน

ขึ้นกับสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนไม่มาหรือขาดประจำเดือน เช่น การตั้งครรภ์ กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ชนิดหลายถุง โรคคุชชิง ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน ไตวายเรื้อรัง ภาวะซีด เป็นต้น


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยขั้นต้นจากอาการ และตรวจหาสาเหตุโดยการตรวจภายในช่องคลอด ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เอกซเรย์ และอาจต้องทำการตรวจพิเศษอื่น ๆ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ภาวะประจำเดือนไม่เคยมา ถ้ามีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย แพทย์จะตรวจหาสาเหตุ แล้วให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ

ในรายที่เกิดจากเยื่อพรหมจรรย์ไม่เปิด อาจต้องผ่าตัดเปิดให้มีทางระบายของเลือดประจำเดือน

ในรายที่ร่างกายมีการเจริญเติบโตตามปกติ (เช่น มีการเจริญของเต้านม มีขนรักแร้ และขนอวัยวะเพศขึ้นตามปกติ) และไม่มีอาการปวดท้อง หรืออาการผิดปกติอื่น ๆ อาจรอดูจนอายุเกิน 16 ปี ถ้ายังไม่มีประจำเดือนมา แพทย์ก็จะทำการตรวจหาสาเหตุ แล้วให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ

2. ภาวะประจำเดือนขาด ถ้ามีความผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย หรือสงสัยว่ามีสาเหตุที่ร้ายแรง แพทย์ก็จะทำการตรวจหาสาเหตุ แล้วให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ

ถ้าเกิดจากการตั้งครรภ์ หรือโรคกังวลใจ ก็ให้การรักษาตามสาเหตุ

ในรายที่ไม่มีสาเหตุแน่ชัด และร่างกายเป็นปกติดีทุกอย่าง อาจรอดูสัก 3 เดือน ถ้ายังไม่มีประจำเดือนมา แพทย์ก็จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม


การดูแลตนเอง

ถ้าอายุเกิน 16 ปี แล้วประจำเดือนยังไม่มา หรือเคยมีประจำเดือน แต่ประจำเดือนขาดหายไป หรือสงสัยมีความผิดปกติเกี่ยวกับประจำเดือน ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่ามีความผิดปกติของประจำเดือน ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลา
    ในรายที่จำเป็นต้องกินยาต่อเนื่อง มีการขาดยา ยาหายหรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

ขึ้นกับสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนไม่มาหรือขาดประจำเดือน เช่น การตั้งครรภ์ กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ชนิดหลายถุง โรคคุชชิง ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน ไตวายเรื้อรัง ภาวะซีด เป็นต้น

ข้อแนะนำ

อาการประจำเดือนไม่มาหรือขาดประจำเดือนอาจเกิดจากสาเหตุได้หลากหลาย หากมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับประจำเดือน ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุที่พบ (ตรวจอาการประจำเดือนขาด/ไม่มา)
4
พูดคุยทั่วไป / ตาเหลือง สัญญาณเตือนตับอักเสบที่ไม่ควรมองข้าม
« กระทู้ล่าสุด โดย pitoon เมื่อ สิงหาคม 18, 2025, 02:33:44 PM »
ตาเหลืองเป็นอาการที่หลายคนอาจสงสัยว่าเกิดจากอะไร และเป็นสัญญาณเตือนของโรคใดบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ ตับอักเสบ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของอาการตาเหลือง การเข้าใจสาเหตุและอาการของโรคนี้จะช่วยให้เรารับมือและป้องกันได้อย่างถูกวิธี

ตาเหลืองเกิดจากอะไร
อาการตาเหลืองหรือที่เรียกว่าภาวะดีซ่าน (Jaundice) เกิดจากการสะสมของสารบิลิรูบิน (bilirubin) ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานผิดปกติของตับ ทำให้สารนี้ไม่สามารถถูกขจัดออกจากร่างกายได้อย่างปกติ ส่งผลให้ผิวหนังและตาขาวกลายเป็นสีเหลือง



สาเหตุของตาเหลืองและโรคตับอักเสบ
    ตับอักเสบ (Hepatitis)
    เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของเนื้อตับ ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะไวรัสตับอักเสบชนิดต่าง ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคนี้
    ไวรัสตับอักเสบ (Hepatitis Virus)
    เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของตับอักเสบและภาวะดีซ่าน โดยมีหลายชนิด เช่น
    ไวรัสตับอักเสบเอ (HAV)
    ไวรัสตับอักเสบบี (HBV)
    ไวรัสตับอักเสบซี (HCV)
    ไวรัสตับอักเสบดี (HDV)
    ไวรัสตับอักเสบเอฟ (HEV)

ไวรัสเหล่านี้สามารถแพร่กระจายผ่านทางอาหาร น้ำดื่ม การสัมผัสเลือด หรือสารคัดหลั่ง รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์ โรคตับอื่น ๆ
    - เช่น ตับแข็ง ตับวาย หรือความผิดปกติของทางเดินน้ำดี ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะดีซ่านเช่นกัน
    - ภาวะแทรกซ้อนจากโรคอื่น ๆ
    เช่น โรคโลหิตจาง โรคตับอ่อนอักเสบ หรือภาวะที่มีการทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงอย่างรุนแรง

อาการของตาเหลืองและตับอักเสบ
    ๐ ตาขาวและผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
    ๐ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้
    ๐ ปวดท้องบริเวณตับ
    ๐ มีกลิ่นตัวผิดปกติ
    ๐ ปัสสาวะสีเข้มและอุจจาระสีอ่อน

วิธีป้องกันและดูแลตัวเอง
    รักษาความสะอาดและสุขอนามัย ส่วนใหญ่ของไวรัสตับอักเสบสามารถป้องกันได้ด้วยการล้างมืออย่างถูกวิธี
    หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน และการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
    รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีและเอ (สำหรับบางชนิด)
    ตรวจสุขภาพเป็นประจำ และรีบพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ

ตาเหลืองเกิดจากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุที่พบบ่อยและรุนแรงที่สุดคือ ไวรัสตับอักเสบ ซึ่งเป็นโรคที่ควรได้รับความสนใจเป็นพิเศษ หากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ตับวายหรือมะเร็งตับได้ การรู้จักสาเหตุและอาการของตับอักเสบ รวมถึงการป้องกันอย่างถูกวิธี จะช่วยให้ดูแลสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5
พูดคุยเรื่อง งานอดิเรกต่างๆ / ตรวจอาการ: ช็อก (Shock)
« กระทู้ล่าสุด โดย siritidaphon เมื่อ สิงหาคม 16, 2025, 10:51:48 PM »
ตรวจอาการ: ช็อก (Shock)

ช็อก ในทางการแพทย์ หมายถึง ภาวะที่เนื้อเยื่อต่าง ๆ ทั่วร่างกายได้รับเลือดซึ่งมีสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงไม่เพียงพอ อันสืบเนื่องมาจากระบบไหลเวียนของโลหิตล้มเหลวด้วยสาเหตุต่าง ๆ ทำให้อวัยวะสำคัญ ๆ ของร่างกาย เช่น หัวใจ สมอง ตับ ไต ลำไส้ เป็นต้น มีภาวะขาดเลือดและทำหน้าที่ไม่ได้ ซึ่งในที่สุดเกิดภาวะล้มเหลว (failure) ของอวัยวะเหล่านี้จนเป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้

มักพบเป็นภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงของการเจ็บป่วยต่าง ๆ ที่มีอาการรุนแรงหรือขาดการดูแลรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่แรก

ผู้ป่วยมักมีประวัติได้รับบาดเจ็บ เป็นโรคติดเชื้อ มีการเจ็บป่วยอื่น ๆ หรือมีการใช้ยามาก่อน

สาเหตุ

สาเหตุมีหลากหลายประการ ขึ้นกับชนิดของช็อก ซึ่งแบ่งเป็น 4 ชนิดใหญ่ ๆ ได้แก่ ภาวะช็อกจากปริมาตรของเลือดลดลง (hypovolemic/oligemic shock) ภาวะช็อกจากความผิดปกติของหัวใจ (cardiogenic shock) ภาวะช็อกจากภาวะอุดกั้นนอกหัวใจ (extracardiac obstructive shock) และภาวะช็อกจากปัจจัยที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว (distributive shock) แต่ละชนิดก็อาจมีสาเหตุได้ต่าง ๆ (ดู "ชนิดและสาเหตุของช็อก" ด้านล่าง) ภาวะเหล่านี้ทำให้ระบบการไหลเวียนของโลหิตล้มเหลว ความดันโลหิตต่ำ อวัยวะสำคัญขาดเลือดจนเซลล์ตาย เกิดอาการที่รุนแรงมากมาย

ชนิดและสาเหตุของช็อกที่พบบ่อย

1. ภาวะช็อกจากปริมาตรของเลือดลดลง อาจมีสาเหตุจาก

    การตกเลือด เช่น เลือดออกจากบาดแผลหรือกระดูกหัก ตกเลือดหลังคลอดหรือแท้งบุตร อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด ไข้เลือดออก เลือดออกในช่องปอดหรือช่องท้อง ครรภ์นอกมดลูก
    การสูญเสียน้ำออกภายนอก เช่น ท้องเดินรุนแรง อาเจียนรุนแรง การใช้ยาขับปัสสาวะมากเกิน ภาวะคีโตแอซิโดซิส หรือน้ำตาลในเลือดสูงรุนแรงในผู้ป่วยเบาหวาน เบาจืด บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก
    การสูญเสียน้ำอยู่ภายในร่างกาย เช่น ไข้เลือดออก กระเพาะหรือลำไส้อุดกั้น ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ภาวะท้องมาน (ascites)

2. ภาวะช็อกจากความผิดปกติของหัวใจ อาจมีสาเหตุจากกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน กล้ามเนื้อหัวใจพิการ (cardiomyopathy) ลิ้นหัวใจตีบ (valvular stenosis) หัวใจเต้นผิดจังหวะ

3. ภาวะช็อกจากภาวะอุดกั้นนอกหัวใจ อาจมีสาเหตุจากภาวะหัวใจถูกบีบรัด (cardiac tamponade) ภาวะสิ่งหลุดอุดตันหลอดเลือดแดงปอดอย่างรุนแรง ภาวะปอดทะลุชนิดรุนแรง

4. ภาวะช็อกจากปัจจัยที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว อาจมีสาเหตุจาก

    การแพ้ที่รุนแรง เรียกว่า ภาวะช็อกจากการแพ้ (anaphylactic shock) เช่น แพ้ยา (ที่พบบ่อย คือ เพนิซิลลิน ยาชา) เซรุ่มที่ผลิตจากสัตว์ พิษแมลง (ผึ้ง ต่อ มด) อาหาร (กุ้ง หอย ปู ไข่) เป็นต้น
    ความผิดปกติของระบบประสาท เรียกว่า ภาวะช็อกจากระบบประสาท (neurogenic shock) ที่สำคัญได้แก่ ไขสันหลังได้รับบาดเจ็บ
    โรคติดเชื้อ เรียกว่า ภาวะช็อกจากโรคติดเชื้อ (septic shock) เช่น โลหิตเป็นพิษ ปอดอักเสบ ไทฟอยด์ ถุงน้ำดีอักเสบ ท่อน้ำดีอักเสบ กรวยไตอักเสบ เยื่อบุมดลูกอักเสบจากการทำแท้ง เป็นต้น พิษของเชื้อโรคจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเคมีหลายชนิด ส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัว นอกจากนี้ยังมีผลต่อการทำงานของหัวใจและเลือดออกง่าย (ร่างกายสูญเสียเลือด) ดังนั้น ภาวะช็อกจากโรคติดเชื้อจึงอาจเกิดจากกลไกหลายอย่างร่วมกัน

ผู้ที่มีความต้านทานโรคต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน มะเร็ง ตับแข็ง ขาดอาหาร หรือใช้ยาสเตียรอยด์หรือยากดภูมิคุ้มกัน เป็นต้น มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะช็อกชนิดนี้มากกว่าคนทั่วไป

    การใช้ยา ได้แก่ กลุ่มยาขยายหลอดเลือด เช่น ไอโซซอร์ไบด์ (isosorbide) ถ้าใช้เกินขนาดอาจทำให้เกิดภาวะช็อกได้
    ภาวะต่อมหมวกไตบกพร่องเฉียบพลัน (acute adrenal insufficiency) พบในผู้ป่วยโรคแอดดิสัน และผู้ที่ใช้ยาสเตียรอยด์มาเป็นเวลานาน ทำให้เกิดภาวะช็อก เรียกว่า ภาวะต่อมหมวกไตวิกฤติ (adrenal crisis)

อาการ

อาการขึ้นกับสาเหตุ ระยะ และความรุนแรงของโรค

ผู้ป่วยมักมีประวัติและอาการแสดงของภาวะการเจ็บป่วยที่เป็นสาเหตุนำมาก่อน เช่น การบาดเจ็บ เลือดออก อาเจียนหรือถ่ายเป็นเลือด (ภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร) ท้องเดิน อาเจียน กระหายน้ำ และปัสสาวะบ่อยมาก (เบาหวาน เบาจืด) ปวดท้องรุนแรง (ครรภ์นอกมดลูก) เจ็บหน้าอก (กล้ามเนื้อหัวใจตาย) เป็นไข้จากโรคติดเชื้อ เป็นต้น

ผู้ป่วยที่เริ่มเข้าสู่ภาวะช็อกในระยะแรก ๆ อาจมีอาการไม่เด่นชัด จนกระทั่งระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลวและอวัยวะต่าง ๆ ขาดเลือดไปเลี้ยง จึงจะปรากฏอาการเด่นชัด

อาการที่พบได้บ่อยก็คือ อ่อนเพลีย กระสับกระส่าย เวียนศีรษะ หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม อาจรู้สึกใจหวิวใจสั่นร่วมด้วย อาการจะเป็นมากเวลาลุกนั่ง จนต้องล้มตัวลงนอนราบ ผู้ป่วยมักมีอาการกระหายน้ำ ปัสสาวะออกน้อย ตัวเย็นและมีเหงื่อออก ริมฝีปากและเล็บเริ่มเขียวคล้ำ เจ็บแน่นหน้าอก หายใจตื้นและถี่

ต่อมาจะมีอาการซึม สับสน เพ้อ กระหายน้ำมาก ปัสสาวะไม่ออก ผิวหนังซีดคล้ำ ตัวเย็นจัด หายใจหอบ ค่อย ๆ ซึมลงจนหมดสติในที่สุด


ภาวะแทรกซ้อน

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูง ภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง เลือดเป็นกรดจากการคั่งของกรดแล็กติก กลุ่มอาการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน หัวใจวาย ตับวาย ไตวาย เซลล์สมองตาย

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ซึม กระสับกระส่าย สับสน หายใจตื้นและถี่ หายใจหอบ มือเท้าเย็นและชุ่มเหงื่อ (ยกเว้นผู้ป่วยที่มีภาวะช็อกจากปัจจัยที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว เช่น โรคติดเชื้อในระยะแรกอาจมีตัวอุ่นและไม่มีเหงื่อชุ่ม)

ชีพจรมักเต้นเบาและเร็วมากกว่า 100 ครั้ง/นาที ยกเว้นบางกรณี เช่น ผู้ป่วยกินยากลุ่มปิดกั้นบีตา

อยู่ก่อน ก็อาจพบชีพจรช้าได้

มักพบไข้สูงในผู้ป่วยที่มีสาเหตุจากโรคติดเชื้อหรือภาวะต่อมหมวกไตบกพร่องเฉียบพลัน ส่วนผู้สูงอายุและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำที่ช็อกจากโรคติดเชื้ออาจไม่มีไข้ก็ได้

มักตรวจพบความดันโลหิตช่วงบนต่ำกว่า 90 มม.ปรอท และแรงดันชีพจร (ความแตกต่างระหว่างความดันช่วงบนกับช่วงล่าง) น้อยกว่า 30 มม.ปรอท เช่น 90/70 หรือ 80/60 มม.ปรอท ยกเว้นในระยะแรกของการเกิดภาวะช็อก หรือภาวะใกล้ช็อก (impending shock) ความดันวัดในท่านอนอาจมีค่าปกติ แต่ชีพจรอาจเร็วกว่าปกติ สามารถทดสอบโดยการวัดความดันและจับชีพจรในท่านั่งเปรียบเทียบกับท่านอน ถ้าความดันช่วงบนในท่านั่งต่ำกว่าท่านอนมากกว่า 10-20 มม.ปรอท และชีพจรในท่านั่งเร็วกว่าท่านอนมากกว่า 15 ครั้ง/นาที ก็แสดงว่าผู้ป่วยมีภาวะใกล้ช็อกเนื่องจากปริมาตรของเลือดลดลง

ผู้ป่วยที่เป็นความดันโลหิตสูงอยู่ก่อน ขณะมีภาวะช็อก ความดันโลหิตอาจพบว่าไม่ต่ำมากนักก็ได้

นอกจากนี้ ยังอาจตรวจพบอาการของโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น จุดแดงจ้ำเขียวในโรคไข้กาฬหลังแอ่น ภาวะซีดจากการตกเลือดหรือครรภ์นอกมดลูก หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือได้ยินเสียงฟู่ (murmur) ของหัวใจ อาการแสดงของโรคคุชชิง ในผู้ป่วยที่ช็อกจากภาวะต่อมหมวกไตบกพร่องเฉียบพลัน เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

แพทย์จะรับตัวผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล ทำการค้นหาสาเหตุโดยการตรวจเลือด ปัสสาวะ เอกซเรย์คลื่นหัวใจ และตรวจพิเศษอื่น ๆ และให้การรักษาแบบประคับประคอง เช่น ให้น้ำเกลือนอร์มัลหรือริงเกอร์แล็กเทต ให้เลือด ใส่ท่อหายใจ ให้ออกซิเจน เป็นต้น

ในรายที่ให้สารน้ำแล้วความดันโลหิตยังต่ำ แพทย์จะให้สารกระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อหลอดเลือด เช่น โดบูทามีน (dobutamine) โดพามีน (dopamine) หรือ นอร์เอพิเนฟรีน (norepinephrine)นอกจากนี้จะให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ เช่น

    ให้ยาปฏิชีวนะรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ
    ผ่าตัดผู้ป่วยที่เป็นครรภ์นอกมดลูก
    ให้การรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายแบบฉุกเฉิน เช่น การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบัลลูน
    ภาวะช็อกจากต่อมหมวกไตบกพร่องเฉียบพลัน ฉีดไฮโดรคอร์ติโซน เข้าหลอดเลือดดำ
    ภาวะช็อกจากอาการแพ้ ฉีดอะดรีนาลิน ไดเฟนไฮดรามีน รานิทิดีน และเมทิลเพร็ดนิโซโลน เข้าหลอดเลือดดำ

ผลการรักษา ขึ้นกับความรุนแรงของโรค และระยะของโรคที่เริ่มให้การรักษา ถ้าสามารถให้การรักษาตั้งแต่ระยะแรกเริ่มในขณะที่มีอาการรุนแรงไม่มาก ก็มักจะได้ผลดีหรือหายเป็นปกติ แต่ถ้าปล่อยให้อวัยวะสำคัญขาดเลือดจนเกิดภาวะล้มเหลว ก็มักจะเสียชีวิต โดยทั่วไปภาวะช็อกที่มีสาเหตุจากโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย และภาวะโลหิตเป็นพิษ มักมีอัตราตายค่อนข้างสูง


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น  มีอาการอ่อนเพลีย กระสับกระส่าย เวียนศีรษะ หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม ใจหวิวใจสั่น ตัวเย็นและมีเหงื่อออก ริมฝีปากและเล็บเริ่มเขียวคล้ำ เจ็บแน่นหน้าอก หายใจตื้นและถี่  ควรทำการปฐมพยาบาล และรีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นภาวะช็อก ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน  ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน  หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด

การปฐมพยาบาลสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะช็อก

1. ให้ผู้ป่วยนอนราบ ควรยกขาผู้ป่วยขึ้นสูง (ยกเว้นในรายที่หายใจหอบ) ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายโดยการห่มผ้า ให้ออกซิเจน

2. ถ้าผู้ป่วยมีสติอยู่ ควรพูดให้กำลังใจ อาจให้ดมยาดมด้วยก็ได้ 

3. อย่าให้คนมามุงล้อมผู้ป่วย 

4. ถ้าผู้ป่วยหมดสติ ให้ทำการปฐมพยาบาลเช่นเดียวกับอาการหมดสติ 

5. ถ้าพบสาเหตุของภาวะช็อก ให้การช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ เช่น

    ถ้ามีเลือดออก รีบห้ามเลือดให้หยุด
    ถ้ามีไข้สูง ให้เช็ดตัวด้วยน้ำเย็น
    ถ้ามีรอยฟกช้ำที่สงสัยกระดูกหัก ให้ตรึงส่วนนั้นไว้ไม่ให้เคลื่อนไหว

การป้องกัน

การป้องกันภาวะช็อก สามารถทำได้โดย
 

1. การรักษาอาการเจ็บป่วย (เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ ท้องเดิน ไข้เลือดออก การบาดเจ็บ) ให้ถูกต้องตั้งแต่แรก

2. มีพฤติกรรมสุขภาพในการป้องกันโรคที่เป็นสาเหตุของภาวะช็อก เช่น โรคหัวใจขาดเลือด การหลีกเลี่ยงการใช้สเตียรอยด์อย่างไม่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่อาจทำให้มีเลือดออกในกระเพาะอาหาร ระวังการแพ้ยา เป็นต้น


ข้อแนะนำ

ผู้ป่วยที่มีภาวะช็อกโดยตรวจหาสาเหตุไม่ได้ชัดเจน (เช่น ตกเลือด โรคหัวใจ) หรือพบว่ามีไข้สูงร่วมด้วย ควรนึกถึงภาวะติดเชื้อและต่อมหมวกไตบกพร่องเฉียบพลัน

สำหรับต่อมหมวกไตบกพร่องเฉียบพลัน (ภาวะต่อมหมวกไตวิกฤติ) เป็นภาวะที่พบได้เป็นครั้งคราว ส่วนน้อยที่เกิดจากโรคแอดดิสัน ส่วนใหญ่เกิดจากการใช้สเตียรอยด์ รักษาโรคในขนาดสูงนานเกิน 1 สัปดาห์ หรือใช้ในขนาดต่ำติดต่อกันเป็นแรมเดือนแรมปี ที่พบบ่อยก็คือ การใช้ยาชุด ยาลูกกลอนที่มีสเตียรอยด์ผสมรักษาตัวเองเมื่อเป็นโรคปวดข้อ (เช่น ข้อเข่าเสื่อม) โรคภูมิแพ้หรือโรคหืด จนเกิดโรคคุชชิง และต่อมหมวกไตฝ่อหรือบกพร่องเรื้อรัง

ผู้ป่วยอาจเกิดภาวะช็อกเมื่อมีการหยุด (ถอน) ยาทันที หรือมีภาวะเครียด เช่น ติดเชื้อ ท้องเดิน อุบัติเหตุ ผ่าตัด อดอาหารเป็นเวลานาน เป็นต้น ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ มีไข้สูง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเดิน สับสน หมดสติ ความดันโลหิตต่ำ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีก็อาจเสียชีวิตในเวลารวดเร็ว หากได้รับสเตียรอยด์ฉีดเข้าร่างกายก็จะฟื้นตัวและหายเป็นปกติได้

ดังนั้น เมื่อพบผู้ป่วยที่มีภาวะช็อกโดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน หรือให้การรักษาแล้วไม่ดีขึ้น ควรคิดถึงโรคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีประวัติว่ากินยาสเตียรอยด์ ยาชุด หรือยาลูกกลอนอยู่เป็นประจำ หรือตรวจพบลักษณะอาการของโรคคุชชิง เช่น อ้วนฉุ หน้าอูม แขนขาลีบ มีไขมัน (หนอกควาย) ที่หลังคอ เป็นต้น
6
จัดฟันบางนา: วิธีป้องกันปัญหา “ฟันโยก” ที่หลายคนมองข้าม

ปัญหา ฟันโยก ถือได้ว่าเป็นปัญหาที่มักเกิดขึ้นก่อนที่จะขยับขยายกลายเป็นโรคเกี่ยวกับ ฟัน และ เหงือกต่าง ๆ ที่ร้ายแรงขึ้นเรื่อย ๆตามลำดับหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ บางคนละเลยต่อการเกิดฟันโยกในช่องปาก โดยคิดเพียงแค่ว่านี่คืออาการเล็กๆน้อยๆไม่ได้ร้ายแรงอะไรแต่อย่างใด ปล่อยทิ้งไว้เดี๋ยวก็หายเอง ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเข้าใจผิดของคนส่วนใหญ่ เพราะ การเกิดฟันโยกเท่ากับว่าช่องปาก เกี่ยวกับ เหงือกและฟัน ของท่านกำลังผิดปกติ และจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ตามมาแน่นอนหากไม่ได้ทำการรักษา

ในวันนี้จะขอพาท่านผู้อ่านมาทำความรู้จักกับวิธีป้องกันฟันโยกเบื้องต้นกัน เพื่อไม่ให้ท่านต้องเกิดปัญหาตามมาดังต่อไปนี้

ฟันโยก ป้องกันได้อย่างไร ?

ก่อนอื่นเลยนั้นท่านผู้อ่านต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ฟันโยก คือการที่ช่องปากเกิดการผิดปกติบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเหงือก หรือว่าฟัน แต่เหตุที่เกิดการผิดปกตินั้นก็ขึ้นอยู่กับสุขภาพช่องปากไม่ได้รับการรักษาหรือว่าสะอาดเพียงพอ ซึ่งตามหลักการแล้วการดูแลช่องปากให้สะอาดและถูกต้องตามวิธี เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ท่านห่างไกลจากโรคร้ายต่าง ๆในช่องปากได้แล้ว ส่วนวิธีการป้องกันอาการฟันโยกเบื้องต้นที่ต้องทราบนั้นมีอะไรบ้างลองไปอ่านกันดีกว่า

1.    ฟันยาง

ถือว่าเป็นหนึ่งในวิธีที่นิยมใช้กันเป็นอย่างมาก คือการใส่ฟันยาง ไม่ว่าจะเป็นการใส่ฟันยางในขณะนอนหลับสำหรับคนที่นอนกัดฟัน และใส่ฟันยางในขณะที่เล่นกีฬาเพื่อป้องกันการกระแทกต่าง ๆที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการนอนกัดฟัน หรืออุบัติเหตุจากการกระแทกอย่างรุนแรงล้วนแต่เป็นต้นเหตุของการทำให้เกิดฟันโยกได้


2.    แปรงฟันให้สะอาด และถูกวิธี

สำหรับข้อนี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำเป็นประจำและสม่ำเสมอ ก็คือการแปรงฟันให้สะอาดและถูกต้อง การแปรงฟันที่ถูกต้องควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง คือ ตื่นนอนและก่อนนอน เพราะ 2 ช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มีเชื้อโรคหรือแบคทีเรียต่าง ๆในช่องปากเป็นจำนวนมาก ในช่วงเวลานี้จึงจำเป็นต้องแปรงฟันให้สะอาดที่สุด โดยระยะเวลาในการแปรงฟันที่ถูกต้องควรใช้เวลาในการแปรงฟันอย่างน้อยครั้งละ 2 นาที และให้ทำการปัดขนแปรงด้วยความเบามือ อย่าพยายามใช้การถูกด้วยความรุนแรง เพราะจะเป็นการทำลายเคลือบฟันแทนการทำความสะอาด และหากว่าชั้นเคลือบฟันถูกทำลายก็จะส่งผลให้เกิดฟันผุได้ง่ายขึ้นนั่นเอง


3.    ไหมขัดฟัน

หนึ่งในการทำความสะอาดช่องปากที่สำคัญมาก ๆ คงหนีไม่พ้นการใช้ไหมขัดฟัน แต่กลับน่าแปลกใจที่หลายๆท่านมองข้ามการใช้ไหมขัดฟันแถมยังมีมุมมองว่าการใช้ไหมขัดฟันไม่ใช่สิ่งจำเป็นท่านกำลังเข้าใจผิด เนื่องจากว่ามีซอกฟันบางจุดที่แปรงสีฟันไม่อาจะเข้าถึง การใช้ไหมขัดฟันจึงเป็นการกำจัดเศษอาหารในส่วนนั้น เพื่อลดการเกิดปัญหารุนแรงต่าง ๆในช่องปาก การใช้ไหมขัดฟันควรทำอย่างน้อยวันละ 1 ครั้งก่อนนอน และทำเป็นประจำในทุกวันอย่างสม่ำเสมอ


4.    เลือกใช้ยาสีฟันให้ถูก

อย่างที่หลายๆท่านทราบกันดีว่าสิ่งสำคัญอีกอย่างสำหรับช่องปากคงจะหนีไม่พ้นยาสีฟัน ซึ่งยาสีฟันในสมัยนี้นั้นมีให้เลือกมากมายหลายรูปแบบ หลายสารสกัด ล้วนแต่มีประโยชน์กับฟันทั้งนั้น แต่ในเบื้องต้นหากว่าไม่รู้จะเลือกยาสีฟันแบบไหน ควรเลือกยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เพราะ ฟลูออไรด์เป็นหนึ่งในสารที่ช่วยปกป้องเคลือบฟันทำให้สุขภาพฟันและเหงือกของท่านแข็งแรง


5.    บ้วนปากให้น้อย

ถือว่าเป็นหนึ่งสิ่งที่หลายๆคนเข้าใจผิดมาโดยตลอดว่า การบ้วนปากหลังจากทำการแปรงฟันเพื่อกำจัดคราบยาสีฟันออกให้หมดเป็นสิ่งที่ถูกต้อง จริงๆแล้วจากการศึกษาวิจัยทั่วโลก ไม่แนะนำให้ทำการบ้วนปากหลังจากแปรงฟันเสร็จเสียด้วยซ้ำ เพราะ การบ้วนปากหลังจากที่ทำการแปรงฟันจะทำให้ฟลูออไรด์หลุดออกไม่เกาะติดผิวฟัน ส่งผลให้การแปรงฟันนั้นไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากยาสีฟันเลย การไม่บ้วนปากหลังแปรงฟันเสร็จจึงเป็นวิธีที่ถูกต้องในการรักษาสุขภาพฟันนั่นเอง


6.    พบทันตแพทย์เป็นประจำ

สำหรับการพบทันตแพทย์เป็นประจำอย่างน้อยทุก 6 เดือน ถือว่าต้องทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะในรอบ 6 เดือนนี้ ฟันของท่านใช้งานอย่างหนักและอาจจะขาดการดูแลที่ถูกต้อง การพบทันตแพทย์ก็เพื่อให้ได้ทราบถึงว่าสุขภาพช่องปากของเราเป็นอย่างไรบ้าง หากว่ามีสิ่งผิดปกติจะได้รีบทำการรักษาก่อนที่จะสายเกินไปนั่นเอง
7
วัดเชิงท่า ที่เที่ยวอยุธยา เที่ยววัดสวย ประวัติศาสตร์เก่าแก่

วัดเชิงท่า เป็นวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและเงียบสงบ

ประวัติความเป็นมา
วัดเชิงท่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย เดิมมีชื่อว่า วัดท่าคันฉ่อง หรือ วัดท่าหลวง ตามความเชื่อที่เล่าสืบกันมาว่า วัดแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ได้เคยบวชเรียนและศึกษาเล่าเรียนมาก่อน

จุดเด่นและสถาปัตยกรรม
พระอุโบสถและวิหาร: ภายในวัดมีพระอุโบสถและวิหารเก่าแก่ที่ยังคงความสมบูรณ์และสวยงาม ภายในประดิษฐานพระประธานและพระพุทธรูปโบราณหลายองค์

หอระฆังแปดเหลี่ยม: จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของวัดคือหอระฆังที่มีลักษณะเป็นทรงแปดเหลี่ยม ซึ่งมีเพียงไม่กี่แห่งในอยุธยาที่สร้างในรูปแบบนี้

บรรยากาศริมน้ำ: ด้วยที่ตั้งที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้วัดมีบรรยากาศที่ร่มรื่นและเงียบสงบ เหมาะสำหรับการเดินเล่นและถ่ายภาพ

ข้อมูลการเดินทาง
ที่ตั้ง: ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

เวลาทำการ: วัดเปิดให้เข้าชมทุกวัน โดยไม่มีค่าเข้าชม
8
พูดคุยทั่วไป / ออกกำลังกายตอนเช้า
« กระทู้ล่าสุด โดย รวยยย เมื่อ สิงหาคม 15, 2025, 02:34:10 PM »

ดูบอลสด ดูบอล วันนี้ ดูบอล ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ SIAMSPORT ดูบอลออนไลน์ บอลวันนี้ บอลสด Siamsport.net บอลสดที่คอบอลไม่ควรพลาด ตื่นเต้นลุ้นไปกับผลการแข่งขันกันแบบสดๆร้อน ทันทีที่ได้ประตู ใบแดง ใบเหลือง อัพเดตให้ตลอด 24 โมง จากเว็บที่กำลังได้รับความนิยมสูงสุด SIAMSPORT นำเสนอผลบอลสด ตารางแข่งขัน ตารางบอล ลิงค์ดูบอลสด ถ่ายทอดเข้าถึงมือถือ ให้ได้ติดตาม กันแบบ วินาทีต่อวินาที ดูบอล ดูบอลสด บอลวันนี้ กับเรา อัพเดท ตารางการแข่งขัน ชมการ ถ่ายทอดสดฟุตบอล ดูบอลออนไลน์ทุกคู่ ติดตามข่าวกีฬา และ ผลการแข่งขัน ผลบอล อัพเดตตลอด รวมคลิปไฮไลท์คู่เด็ด ไฮไลท์ฟุตบอล ลีกดังระดับโลก ดูบอลสด ที่นี่ตลอด 24 ชม
ดูบอลผ่านเว็บ, ลิงค์ดูบอล, ดูบอลไม่กระตุก, ดูบอลลาลีกา, ดูบอลมือถือ
9
พูดคุยทั่วไป / ออกกำลังกายตอนเช้า
« กระทู้ล่าสุด โดย รวยยย เมื่อ สิงหาคม 15, 2025, 02:31:48 PM »

warpnung.com เว็บ ดูหนังออนไลน์ ได้แบบฟรี ๆ ประกอบไปด้วย หนังใหม่ ล่าสุดที่มีการอัพเดทเข้ามาให้คุณได้เลือกชมได้อย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบ ดูหนัง แบบฟรี ๆ ก็ไม่ควรพลาด สามารถรับชมได้อย่างต่อเนื่องเท่าที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นหนังฝรั่ง หนังเอเชีย หรือแม้กระทั่งหนังไทยและหนังภาคต่อ และที่สำคัญ warpnung.com.com มีหนังที่เหมาะกับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย เพื่อสร้างความบันเทิงเพิ่มเติมให้กับทุกๆ คน ในครอบครัวอีกด้วย สำหรับใครที่สนใจอยากจะเลือกชมหนังดี ๆ ดูได้แบบฟรี ๆ สบาย ๆ ที่บ้านและในยามที่คุณว่าง ขอให้คุณเปิด เว็บ warpnung.com ขึ้นมา รับรองเลยว่าคุณจะได้รับความสุขและความสนุกสนานอย่างจุใจได้ตลอดทั้งวันเลยทีเดียวช่วงเวลาว่างที่ใคร ๆ ก็อยากจะพักผ่อน หรือไม่ก็ต้องการอยากจะทำกิจกรรมดี ๆ ในรูปแบบที่ตนเองชื่นชอบ หรือถ้าหากคุณมีเวลาว่างและอยากจะ ดูหนังใหม่ และอยากจะ ดูหนังออนไลน์ หลาย ๆ เรื่องที่คุณยังไม่ได้รับชม คุณสามารถเลือกชมและค้นหาได้ที่เว็บ warpnung.com โดยตรง เว็บนี้จะมีหนังดี ๆ หลาย ๆ เรื่องให้คุณได้ติดตาม แม้กระทั่ง หนังฝรั่ง หนังไทย ทุกแนวที่คุณต้องการอยากจะสัมผัส เว็บนี้คุณจะสามารถเข้าไปดูหนังทุกเรื่องได้แบบฟรี ๆ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด นับได้ว่าเป็นการใช้เวลาว่างของคุณไปกับการค้นหาความสุขผ่านการ ดูหนัง ออนไลน์ สบาย ๆ ที่บ้านของคุณได้นั่นเอง
หนังใหม่ออนไลน์, หนังชนโรง, หนังออนไลน์ซับไทย, หนังออนไลน์ดูฟรี, ดูหนังไม่กระตุก
10
พูดคุยทั่วไป / ออกกำลังกายตอนเช้า
« กระทู้ล่าสุด โดย รวยยย เมื่อ สิงหาคม 15, 2025, 02:21:32 PM »

ducartoon เว็บ ดูการ์ตูนออนไลน์ ได้แบบฟรี ๆ ประกอบไปด้วย การ์ตูนใหม่ ล่าสุดที่มีการอัพเดทเข้ามาให้คุณได้เลือกชมได้อย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบ ดูการ์ตูนออนไลน์ แบบฟรี ๆ ก็ไม่ควรพลาด สามารถรับชมได้อย่างต่อเนื่องเท่าที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนฝรั่ง การ์ตูนเอเชีย หรือแม้กระทั่งการ์ตูนไทย และที่สำคัญ ducartoon.com ยังเอาใจคุณหนู ๆ ส่งการ์ตูนภาคต่อเพื่อสร้างความบันเทิงเพิ่มเติมอีกด้วย สำหรับใครที่สนใจอยากจะเลือกชมการ์ตูนดี ๆ ดูได้แบบฟรี ๆ สบาย ๆ ที่บ้านและในยามที่คุณว่าง ขอให้คุณเปิด เว็บ ducartoon ขึ้นมา รับรองเลยว่าคุณจะได้รับความสุขและความสนุกสนานอย่างจุใจได้ตลอดทั้งวันเลยทีเดีย ช่วงเวลาว่างที่ใคร ๆ ก็อยากจะพักผ่อน หรือไม่ก็ต้องการอยากจะทำกิจกรรมดี ๆ ในรูปแบบที่ตนเองชื่นชอบ หรือถ้าหากคุณมีเวลาว่างและอยากจะ ดูการ์ตูนใหม่ และอยากจะ ดูการ์ตูนออนไลน์ หลาย ๆ เรื่องที่คุณยังไม่ได้รับชม คุณสามารถเลือกชมและค้นหาได้ที่เว็บ ducartoon โดยตรง เว็บนี้จะมีการ์ตูนดี ๆ หลาย ๆ เรื่องให้คุณได้ติดตาม แม้กระทั่ง การ์ตูนญี่ปุ่นยอดนิยม การ์ตูนไทย ทุกแนวที่คุณต้องการอยากจะสัมผัส เว็บนี้คุณจะสามารถเข้าไปดูการ์ตูนทุกเรื่องได้แบบฟรี ๆ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด นับได้ว่าเป็นการใช้เวลาว่างของคุณไปกับการค้นหาความสุขผ่านการ ดูการ์ตูน ออนไลน์ สบาย ๆ ที่บ้านของคุณได้นั่นเอง
ดูอนิเมะใหม่ล่าสุด, อนิเมะซับไทย, ดูอนิเมะไม่มีโฆษณา, ดูอนิเมะ 4K, อนิเมะต่อสู้
หน้า: [1] 2 3 ... 10