ข้อมูลส่วนตัว

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - patthana

หน้า: [1]
1

ในโลกของการเงินและการลงทุนยุคใหม่ การสร้างวินัยทางการเงินพร้อมกับการวางแผนภาษีถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ชาญฉลาดประกันแบบสะสมทรัพย์ จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งสองด้านนี้ได้อย่างลงตัว เพราะนอกจากจะเป็นเครื่องมือในการ ออมเงิน อย่างมีเป้าหมายแล้ว เบี้ยประกันที่จ่ายไปยังสามารถนำไปใช้ ลดหย่อนภาษี ได้อีกด้วย

ประกันสะสมทรัพย์ คือ การผสมผสานระหว่าง ความคุ้มครองชีวิต และ การออมเงิน
ส่วนคุ้มครอง: ผู้เอาประกันภัยจะได้รับเงินสินไหมทดแทนหากเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนด
ส่วนสะสมทรัพย์: เมื่อครบกำหนดสัญญา (เช่น 10 ปี, 15 ปี, หรือ 20 ปี) ผู้เอาประกันภัยจะได้รับเงินคืนเป็นจำนวนที่แน่นอน ซึ่งโดยทั่วไปจะสูงกว่าเบี้ยประกันที่จ่ายไปทั้งหมด ทำให้เกิดผลตอบแทน
ข้อดีหลัก: เป็นการออมที่แน่นอน มีวินัยสูง และให้ผลตอบแทนที่ปลอดภาษีตามเงื่อนไข



สิทธิลดหย่อนภาษีที่มาพร้อมกับประกันสะสมทรัพย์
ตามกฎหมายภาษีของประเทศไทย ประกันชีวิตและประกันสะสมทรัพย์มีสิทธิในการนำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ดังนี้:

1. สิทธิลดหย่อนหลัก (สูงสุด 100,000 บาท)
เบี้ยประกันชีวิตและเบี้ยประกันสะสมทรัพย์ (รวมถึงประกันบำนาญในส่วนที่ไม่มีเงื่อนไขตามข้อ 2) สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
เงื่อนไขสำคัญ:กรมธรรม์ต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปต้องเป็นเบี้ยประกันที่จ่ายให้กับบริษัทประกันภัยที่ประกอบกิจการในประเทศไทย

2. สิทธิลดหย่อนเพิ่มเติมสำหรับ "ประกันบำนาญ" (สูงสุด 200,000 บาท)
หากประกันสะสมทรัพย์ที่เลือกมีลักษณะเป็น ประกันชีวิตแบบบำนาญ จะได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมแยกต่างหาก:
เบี้ยประกันบำนาญสามารถนำมาลดหย่อนได้ สูงสุด 200,000 บาท
เมื่อรวมกับสิทธิลดหย่อนหลักแล้ว สิทธิลดหย่อนภาษีรวมสูงสุดของประกันชีวิตและบำนาญจึงอยู่ที่ 300,000 บาท (โดยที่วงเงิน 100,000 บาทแรกเป็นวงเงินรวมของประกันทุกประเภท)
เงื่อนไขสำคัญของประกันบำนาญ:ระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป กำหนดการจ่ายเงินบำนาญต้องเริ่มตั้งแต่อายุ 55 ปี จนถึงอายุ 85 ปีขึ้นไป

การเลือกประกันสะสมทรัพย์เพื่อลดหย่อนภาษี
เพื่อให้การออมและการประหยัดภาษีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควรพิจารณาสิ่งเหล่านี้
พิจารณา "ผลตอบแทนรวม" (Internal Rate of Return - IRR): อย่ามองแค่ตัวเลขเงินคืน แต่ให้เปรียบเทียบผลตอบแทนที่แท้จริงหลังจากหักค่าใช้จ่ายและคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยทบต้นต่อปี
ประเมินอัตราภาษีของตนเอง: ผู้ที่มีรายได้สูงและอยู่ในฐานภาษี 20% ขึ้นไป จะได้รับประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีสูงสุด ดังนั้นการวางแผนเบี้ยประกันให้เต็มวงเงินที่สามารถลดหย่อนได้จึงมีความคุ้มค่ามาก
เลือกความคุ้มครองที่เหมาะสม: แม้จะเป็นการออม แต่ควรตรวจสอบความคุ้มครองชีวิตขั้นต่ำว่าเพียงพอต่อภาระหนี้สินและความรับผิดชอบหรือไม่
ระยะเวลาออมที่สอดคล้องกับเป้าหมาย: เลือกแผนที่ระยะเวลา 10 ปี, 15 ปี หรือ 20 ปี ให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงิน (เช่น ออมเพื่อเป็นทุนการศึกษาบุตร หรือเงินก้อนหลังเกษียณ)


หน้า: [1]