ข้อมูลส่วนตัว

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - pitoon

หน้า: [1]
1
ช่วงปิดเทอมเป็นเวลาที่เด็ก ๆ จะมีเวลาเล่นสนุกและทำกิจกรรมต่าง ๆ มากขึ้น แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้นเช่นกัน ดังนั้นการป้องกันอุบัติเหตุเด็กในช่วงนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
นี่คือวิธีการที่ผู้ปกครองสามารถทำได้เพื่อให้ลูกน้อยปลอดภัยในช่วงปิดเทอม



ในปัจจุบัน การประกันอุบัติเหตุเด็กถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกครอบครัวควรพิจารณา เนื่องจากเด็กๆ มักมีพฤติกรรมที่ไม่คุ้นเคยกับความเสี่ยงและอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ดังนั้นการทำประกันอุบัติเหตุเด็ก
จะช่วยให้ผู้ปกครองอุ่นใจ และมีความมั่นคงทางการเงินในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน

ทำไมต้องทำประกันอุบัติเหตุเด็ก

    ความปลอดภัย: เด็กมีแนวโน้มที่จะสำรวจและเรียนรู้ผ่านการเล่น อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เช่น ล้ม โดนของมีคม หรือเกิดอุบัติเหตุจากการเล่นกีฬา การมีประกันจะช่วยให้คุณมีการดูแลเมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านี้

    การเข้าถึงการรักษาพยาบาล: ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ การรักษาพยาบาลอาจมีค่าใช้จ่ายสูง ประกันอุบัติเหตุเด็กจะช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายเบื้องต้น ทำให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายทางการแพทย์

    ความสบายใจของผู้ปกครอง: เมื่อมีประกัน การไม่มีความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายจะช่วยให้ผู้ปกครองสามารถมุ่งเน้นที่การดูแลและสนับสนุนเด็กได้อย่างเต็มที่

สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อทำประกันอุบัติเหตุเด็ก

    การคุ้มครอง: ตรวจสอบว่าแผนประกันนั้นๆ ครอบคลุมการรักษาพยาบาล ค่าฟื้นฟู และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ

    อายุที่รับประกัน: หลายบริษัทประกันมีการกำหนดอายุขั้นต่ำและสูงสุดที่สามารถทำประกันได้ โดยทั่วไปแล้วลูกน้อยสามารถทำประกันได้ตั้งแต่อายุเพียงไม่กี่วันจนถึงอายุ 18 ปี

    วงเงินคุ้มครอง: พิจารณาว่าวงเงินคุ้มครองที่เสนอเหมาะสมกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือไม่ ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย

    เงื่อนไขและข้อยกเว้น: อ่านเงื่อนไขการทำประกันให้ละเอียด เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

การป้องกันอุบัติเหตุเด็กในช่วงปิดเทอมนั้นสำคัญไม่น้อยเลย การสร้างความตระหนักรู้และจัดกิจกรรมที่ปลอดภัยช่วยทำให้เด็ก ๆ มีช่วงเวลาที่สนุกสนานและปลอดภัย อย่างไรก็ตาม การดูแลและสื่อสารกันในครอบครัวเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อปกป้องพวกเขาจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น

2
ช่วงนี้อากาศร้อนมาก เรามาช่วยกันรักโลกให้มากขึ้นกันเถอะ ใครมีไอเทมรักษ์โลกเด็ด ๆ ปัง ๆ อยากป้ายยาคอมเมนต์เสนอไอเทมมาเลย



ในยุคที่เราเผชิญกับปัญหาภาวะโลกร้อน การช่วยเหลือโลกและดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่สำคัญและเราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ง่ายๆ ผ่านการใช้ไอเทมรักษ์โลก ที่ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการส่งเสริมวิถีชีวิตที่ยั่งยืนด้วย.

1. ถุงผ้า
การใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกเป็นหนึ่งในวิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดขยะพลาสติกในสภาพแวดล้อมได้มาก ถุงผ้ามักมีความทนทานและสามารถใช้งานได้ซ้ำหลายครั้ง นอกจากนี้ยังเป็นการลดการผลิตถุงพลาสติกซึ่งเป็นต้นเหตุของมลพิษที่จะทำให้โลกร้อนขึ้น

2. ขวดน้ำรีฟิล
การเปลี่ยนจากการซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดมาใช้ขวดน้ำแบบรีฟิล ช่วยลดการใช้พลาสติกขวดเดียวทิ้ง นอกจากนี้ยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว คุณสามารถเติมน้ำจากที่บ้านหรือสถานที่ที่มีน้ำสะอาดได้ตลอดเวลา

3. ไฟ LED
การเปลี่ยนหลอดไฟจากหลอดไส้หรือลอดฟลูออเรสเซนต์มาเป็นไฟ LED ช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่า 80% นั่นหมายถึงการลดการใช้พลังงานจากแหล่งที่ผลิตพลังงานที่มักมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

4. แผ่นทำความเย็นจากธรรมชาติ
สำหรับผู้ที่ต้องการคงความเย็นภายในบ้านในช่วงฤดูร้อน การใช้แผ่นทำความเย็นจากธรรมชาติ เช่น แผ่นหวายหรือแผ่นเซรามิค สามารถลดการใช้เครื่องปรับอากาศได้ ช่วยประหยัดไฟฟ้าและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

5. สินค้าจากวัสดุรีไซเคิล
การเลือกซื้อสินค้าที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลไม่เพียงแต่ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังเป็นการสนับสนุนการผลิตที่ยั่งยืน เช่น กระดาษรีไซเคิล หรือตู้เย็นที่ทำจากวัสดุยั่งยืน



3
Ulthera เป็นเครื่องมือยกกระชับผิวหน้าและลดริ้วรอยที่ได้รับความนิยมอย่างมาก คลินิกความงาม  เครื่องทำงานโดยใช้เทคโนโลยี Ultrasound  ที่สามารถเจาะจงไปยังชั้นผิวหนังเฉพาะที่ต้องการการยกกระชับ  ทำให้เห็นผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยั่งยืน  แต่ก็มีขั้นตอนการทำงานและกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม

ขั้นตอนการทำงานของ Ulthera
เครื่อง Ulthera ทำงานโดยใช้พลังงาน Ultrasound ที่มีความเข้มข้นสูง  ส่งผ่านหัวเจาะเลเซอร์เข้าสู่ผิวหนังชั้นต่างๆ  และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน  ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยในการรักษาความยืดหยุ่นและความกระชับของผิว 



โดยทั่วไปขั้นตอนการทำงานจะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนสำคัญ:
    การสแกนผิว: แพทย์จะทำการสแกนผิวหน้าเพื่อประเมินความเหมาะสม และกำหนดระดับความเข้มของพลังงาน บริเวณที่ต้องการรักษา เช่น ร่องแก้ม รอยย่นบริเวณรอบดวงตา หรือคอ
    การรักษา: เครื่อง Ulthera จะปล่อยพลังงาน Ultrasound เข้าสู่ผิวหนังในระดับต่างๆ โดยระบบจะวัดความลึกและความเข้มของคลื่นเสียงอย่างแม่นยำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การรักษาอาจใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่รักษา
    การฟื้นตัว: หลังการรักษา ผู้รับบริการอาจมีอาการบวมเล็กน้อยหรือแดง ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดจัดในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก และดูแลรักษาผิวอย่างเหมาะสม อาการข้างเคียงเหล่านี้จะค่อยๆ หายไปภายในไม่กี่วัน

กลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมกับการใช้ Ulthera
Ulthera เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิวหน้าและคอ เช่น:

    ริ้วรอยและความหย่อนคล้อย: ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้าและลดริ้วรอยต่างๆ เช่น ร่องแก้ม ริ้วรอยรอบดวงตา และริ้วรอยบนคอ
    ผิวหย่อนคล้อย: ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความยืดหยุ่นและความกระชับของผิวที่เริ่มหย่อนคล้อย
    ต้องการผลลัพธ์แบบเป็นธรรมชาติ: ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ดูเหมือนการฉีดหรือการผ่าตัดเสริมความงาม
    สุขภาพผิวที่ดี: ผู้ที่มีสุขภาพผิวที่ดี และสามารถตอบสนองต่อการรักษาได้ดี
    อายุระหว่าง 30-60 ปี: อายุที่เหมาะสมสำหรับการรักษาด้วย Ulthera เนื่องจากเป็นอายุที่เริ่มเห็นผลของการเสื่อมสภาพของผิว

สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึง
    การรักษาด้วย Ulthera อัลเทอร่า ไม่ได้เป็นการรักษาที่ทำให้ผิวอ่อนเยาว์ทันที แต่ต้องการเวลาในการฟื้นตัวและแสดงผลลัพธ์
    ผู้รับบริการควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสม และวางแผนการรักษาที่เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการของตนเอง
    ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

4
ในยุคปัจจุบัน การดูแลสุขภาพกำลังเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญ เนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การซื้อประกันสุขภาพจึงกลายเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและจำเป็นสำหรับผู้คนหลายคนในปัจจุบัน ไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการซื้อประกันสุขภาพ และเหตุผลที่ควรพิจารณาในการทำประกันสุขภาพให้กับตัวเองและครอบครัว

1. ทำไมต้องซื้อประกันสุขภาพ

การซื้อประกันสุขภาพช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดเมื่อเจ็บป่วย โดยประกันสุขภาพจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอื่น ๆ ที่ควรพิจารณา ได้แก่:

    การดูแลสุขภาพที่ดี: คุณจะได้รับการเข้าถึงการรักษาที่ทันท่วงทีและมีคุณภาพ
    ลดหย่อนภาษี: ค่าเบี้ยประกันสุขภาพสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
    ความสบายใจ: ทำให้คุณมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล




2. ประเภทของประกันสุขภาพ

การประกันสุขภาพมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทอาจมีข้อกำหนดและความคุ้มครองที่แตกต่างกัน ดังนี้

    ประกันสุขภาพแบบรายปี: ให้ความคุ้มครองในระยะเวลาหนึ่งปี สามารถต่ออายุได้
    ประกันสุขภาพแบบตลอดชีพ: มีความคุ้มครองระยะยาว โดยไม่จำกัดอายุ
    ประกันสุขภาพผู้ป่วยใน: คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาเมื่อผู้เอาประกันต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
    ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก: คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล เช่น ค่าหมอ ค่ายา

3. การเลือกซื้อประกันสุขภาพ

เมื่อคุณตัดสินใจที่จะทำประกันสุขภาพ มีข้อควรพิจารณาเพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ตรงตามความต้องการ

    ตรวจสอบความคุ้มครอง: ควรอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับความคุ้มครองที่ประกันนั้นๆ ให้ หากมีการดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคเฉพาะหรือบริการเสริม เช่น ฟิตเนสก็อาจทำให้ดีขึ้น
    เปรียบเทียบเบี้ยประกัน: เบี้ยประกันในแต่ละบริษัทอาจแตกต่างกัน ควรเปรียบเทียบราคาและความคุ้มครอง
    ตรวจสอบเงื่อนไข: อ่านเงื่อนไขและข้อยกเว้นของประกัน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับความคุ้มครองตามที่ต้องการ
    บริการและเครือข่ายของโรงพยาบาล: ตรวจสอบว่าประกันสุขภาพที่เลือกมีเครือข่ายโรงพยาบาลที่สะดวกและเพียงพอสำหรับคุณ

ประกันสุขภาพที่ไหนดีการซื้อประกันสุขภาพเป็นการลงทุนที่สำคัญเพื่อปกป้องสุขภาพของคุณและครอบครัว ไม่ว่าคุณจะเป็นคนทำงาน หรือเป็นเพียงคนที่ต้องการมีสุขภาพดี ประกันสุขภาพจะช่วยให้คุณมีความมั่นใจในชีวิตประจำวัน เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณมีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับการซื้อประกันสุขภาพ และช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น

5
มนุษย์เงินเดือนจะทำประกันชีวิตเพิ่มไปทำไม
พนักงานประจำ หรือ มนุษย์เงินเดือน  มีแค่ประกันกลุ่ม หรือ ประกันสังคมบางคนคิดว่าเพียงพอแล้ว จะทำประกันชีวิตเพิ่มทำไม สุขภาพยังแข็งแรงดีแค่ดูแลตัวเองดีๆ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ถ้าเราลาออกหรือเกษียณอายุแล้ว สวัสดิการทั้งหมดที่มีก็จบลงไปด้วย แต่ในเมื่อชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป และความเจ็บป่วยก็สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ยิ่งในอนาคตที่เราเริ่มมีอายุร่างกายก็อ่อนแอลงโรคร้ายต่างๆ ก็อาจจะเป็นได้ง่าย 
การทำประกันชีวิต หรือ ประกันสุขภาพ จึงเป็นตัวช่วยที่ดีและเราควรรีบวางแผนเอาไว้แต่เนิ่น ๆ เพื่อการรับมือกับปัญหาสุขภาพตั้งแต่วันที่ยังมีโอกาส เพราะหากเจ็บป่วยขึ้นมาเราก็ยังมีตัวช่วยในการจ่ายค่ารักษาพยาบาล



ประกันชีวิต หรือ ประกันสุขภาพ เพิ่มจากสวัสดิการที่มีอยู่
เหตุผลที่พนักงานประจำ หรือ มนุษย์เงินเดือนอย่างเราควรทำประกันชีวิต หรือ ประกันสุขภาพเพิ่มจากสวัสดิการ จะมีอะไรบ้างนั่น มาดูกันเลย
 1. ประกันชีวิต ประกันสุขภาพเป็นสวัสดิการที่เลือกเองได้
สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่บริษัทให้อาจไม่เพียงพอต่อค่ารักษาพยาบาลบางอย่าง เช่น ถ้าเราเป็นโรคหัวใจ โรคไต โรคเบาหวาน ก็จะสามารถเบิกได้บางส่วน นอกนั้นเราต้องเป็นคนที่ออกส่วนเกินของค่ารักษาพยาบาลเอง ดังนั้นการซื้อประกันชีวิต เสียชีวิตทุกกรณี หรือประกันสุขภาพนั้น เราสามารถเลือกได้เลยว่า ต้องการครอบคุมโรคใดบ้าง และได้รับวงเงินค่ารักษาพยาบาลเท่าไหร่เมื่อเราเกิดอุบัติเหตุ กรณีที่เราต้องนอนรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลเป็นเวลานานประกันก็จะมีค่าชดเชยต่างๆ ให้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นภาระทางการเงินของครอบครัว
 
2. เพิ่มทางเลือกในการวางแผนช่วงวัยเกษียณ
สวัสดิการของบริษัทก็จะมีแค่ประกันกลุ่ม หรือประกันสังคม ถ้าเกษียณไปแล้วสวัสดิการเหล่านี้ก็จะจบลงไปด้วยเหมือนกัน และเมื่อเราเข้าสู่วัยเกษียณแล้วแน่นอนร่างกายคงไม่แข็งแรงเหมือนเก่า เจ็บป่วยแต่ละครั้งก็มีค่าใช้จ่ายสูง การมีประกันชีวิตและสุขภาพไว้ช่วยดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ การมีประกันโรคร้าย จึงถือเป็นการวางแผนรับมือค่ารักษาพยาบาลในอนาคตไว้อีกทาง โดยเฉพาะการเจ็บป่วยเรื้อรังจากโรคร้ายแรง อย่างเช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ที่มีค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลที่ค่อนข้างสูง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสการรักษาโดยไม่กระทบเงินออมยามเกษียณที่เราออมมาตลอดชีวิตอีกด้วย
 
3. เพื่อการออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิตในระยะยาว
การออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิตผ่านกรมธรรม์ประกันชีวิต จะช่วยให้มีการออมในรูปแบบการประกันชีวิตอย่างมีระเบียบวินัยและมีความต่อเนื่อง ได้รับความคุ้มครองชีวิตพร้อมการออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิตไปในตัว ช่วยให้เราอุ่นใจว่าในอนาคตว่าเราจะมีเงินเเละมีความคุ้มครองชีวิตของเราอยู่ อีกทั้งยังมีความแน่นอนของจำนวนเงินที่จะได้รับ ถึงแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น เสียชีวิตผู้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินตามจำนวนเงินเอาประกันที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ดีในเรื่องของการกระจายความเสี่ยง

4. ลดหย่อนภาษีได้
การทำประกันชีวิตและสุขภาพไม่ใช่แค่ช่วยคุ้มครองแค่เรื่องค่าใช้จ่ายยามเจ็บป่วย แต่ค่าเบี้ยประกันที่เราจ่ายไปนั้น สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย และการทำประกันนั้นสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 2 ส่วนคือ
สิทธิลดหย่อนภาษีส่วนแรก
สำหรับเบี้ยประกันชีวิต ประกันออมทรัพย์ ที่มีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป และประกันสุขภาพ สามารถลดหย่อนรวมกันได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี ซึ่งในกรณีใช้สิทธิส่วนนี้ไม่ถึง 100,000 บาท สามารถนำเบี้ยประกันแบบบำนาญมารวม เพื่อให้ครบ 100,000 บาทได้

สิทธิลดหย่อนภาษีส่วนที่สอง
สำหรับเบี้ยประกันแบบบำนาญ สามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 15%ของรายได้ สูงสุด 200,000 บาทต่อปี และเมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนการออมแห่งชาติ และกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชนต้องไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี

มนุษย์เงินเดือนควรจะเริ่มต้นการวางแผนการเงินกับการรักษาพยาบาลเพราะบางทีการมีประกันกลุ่ม หรือประกันสังคมอาจไม่เพียงพอ ทางที่ดีควรทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพควบคู่กันไปด้วย หากใครกำลังสนใจทำประกันเราขอแนะนำประกันดีๆ จาก ไทยประกันชีวิต ที่มีให้เลือกทั้งประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ที่สำคัญสามารถทำผ่านช่องทางออนไลน์ได้แล้ว

เลือกความคุ้มครองของประกันได้ตามงบประมาณที่เราพอใจ สามารถปรับรูปแบบตามความต้องการของเราได้ และความคุ้มครองจะเริ่มต้นทันทีที่ซื้อหลังจากได้รับอีเมลยืนยันกรมธรรม์ เพียงแค่นี้ เราก็จะมีตัวช่วยในการใช้ชีวิตให้เราอุ่นใจมากยิ่งขึ้น

6
ในบ้านของเรา วาล์วฝักบัว และ ก๊อกน้ำ เป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งในการอาบน้ำ การล้างมือ และการทำความสะอาดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำ
การทำงานของอุปกรณ์เหล่านี้มีความสำคัญในการควบคุมการไหลของน้ำ เพื่อให้เราได้รับความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่ดีที่สุด

หน้าที่หลักของก๊อกฝักบัว
1. การควบคุมน้ำไหล
วาล์วฝักบัวทำหน้าที่ควบคุมการไหลของน้ำผ่านฝักบัว น้ำร้อนไหลและน้ำเย็นสามารถถูกควบคุมได้ตามต้องการ ซึ่งช่วยให้เราสามารถอาบน้ำอย่างสะดวกสบาย
2. ระบบการผสมอุณหภูมิ
วาล์วฝักบัวที่มีคุณภาพจะมีระบบการผสมอุณหภูมิที่ทำให้ผู้ใช้งานได้รับอุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสม โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนบ่อยๆ
3. ความปลอดภัย
การใช้วาล์วฝักบัวที่มีระบบป้องกันน้ำร้อนเกินไปจะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกน้ำร้อนทำให้เกิดบาดแผล



หน้าที่ของก๊อกน้ำ
1. จ่ายน้ำตามต้องการ
ก๊อกน้ำทำหน้าที่ในการจ่ายน้ำได้อย่างรวดเร็วและสะดวก โดยสามารถเปิด-ปิดได้ง่ายตามต้องการ
2. ประหยัดน้ำ
ก๊อกน้ำที่มีคุณภาพมักมีเทคโนโลยีที่ช่วยในการประหยัดน้ำ ไม่ให้มีการใช้น้ำที่สูญเสียไปโดยใช่เหตุ ทำให้คุณสามารถลดค่าใช้จ่ายในบิลน้ำได้
3. การออกแบบที่ใช้งานง่าย
ก๊อกน้ำมีหลากหลายรูปแบบและการออกแบบที่ใช้งานง่าย ทำให้เข้ากับการใช้งานในแต่ละบ้านและสไตล์การตกแต่ง

หน้าที่ของก๊อกฝักบัว
1. ความสะดวกสบายในการอาบน้ำ
ก๊อกฝักบัวจะช่วยให้การอาบน้ำทำได้อย่างสะดวก โดยน้ำสามารถไหลได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว
2. ประสิทธิภาพในการทำความสะอาด
ก๊อกฝักบัวมีการกระจายของน้ำที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด ทำให้คุณสามารถล้างสบู่และแชมพูได้อย่างง่ายดาย
3. การติดตั้งที่ยืดหยุ่น
ก๊อกฝักบัวมักถูกออกแบบให้สามารถติดตั้งได้ง่ายและมีหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการปรับความสูงตามต้องการ เพื่อให้เหมาะสมกับทุกคนในครอบครัว

วาล์วฝักบัว ก๊อกน้ำ และก๊อกฝักบัวมีหน้าที่สำคัญในการทำให้ชีวิตประจำวันของเราสะดวกสบายและปลอดภัย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจะช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งาน
คำแนะนำในการเลือกซื้อ
    ตรวจสอบคุณภาพ - ควรเลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและรีวิวดี
    ดูวัตถุดิบ - วัสดุที่ใช้ต้องมีความทนทานต่อการใช้งาน
    พิจารณาการติดตั้ง - วาล์วฝักบัวและก๊อกน้ำควรติดตั้งง่ายและเหมาะกับสไตล์ของห้องน้ำ
การเข้าใจในหน้าที่และความสำคัญของวาล์วฝักบัว ก๊อกน้ำ และก๊อกฝักบัวจะช่วยให้คุณสามารถเลือกอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้อย่างเหมาะสมที่สุด

7
ในยุคที่ทุกคนใส่ใจเรื่องความงามและสุขภาพผิวหน้ามากขึ้น เทคโนโลยีในการดูแลผิวหน้าอย่าง HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) และ Multipolar RF (Radio Frequency) จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับหน้า ลดเลือนริ้วรอย และปรับรูปหน้าให้สวยงามขึ้น โดยในบทความนี้เราจะพูดถึงเทคโนโลยีทั้งสองอย่างนี้เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น



HIFU (High Intensity Focused Ultrasound)
HIFU เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการกระตุ้นผิวชั้นลึก โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน ซึ่ง HIFU จะทำให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิว ส่งผลให้ผิวดูตึงกระชับและเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดเลือนริ้วรอยและเส้นริ้วที่เกิดจากวัยที่เพิ่มขึ้น ผู้ที่ทำการรักษาด้วย HIFU มักจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ และผลลัพธ์จะยาวนานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี

Multipolar RF (Radio Frequency)
Multipolar RF เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นวิทยุในการกระตุ้นผิว โดยทำงานโดยการสร้างความร้อนในชั้นผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินภายในผิวหนัง ทำให้ผิวหน้าดูเนียนเรียบ กระชับขึ้นและลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการทำ Multipolar RF จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และใช้เวลาเพียงไม่นาน ข้อดีของเทคโนโลยีนี้คือสามารถทำการรักษาได้ในระยะเวลาสั้น โดยไม่ต้องพักฟื้น

ความแตกต่างระหว่าง HIFU และ Multipolar RF
   1. กระบวนการทำงาน: HIFU ใช้คลื่นเสียงเพื่อสร้างความร้อนที่ชั้นผิวลึก ในขณะที่ Multipolar RF ใช้คลื่นวิทยุในการกระตุ้นผิวในระดับตื้นกว่า
   2. ความลึกในการทำงาน: HIFU สามารถทำงานในชั้นผิวที่ลึกกว่า ทำให้เหมาะสำหรับการยกกระชับส่วนที่ต้องการความชัดเจน ในขณะที่ Multipolar RF จะเน้นช่วยปรับผิวที่ตื้นกว่า
   3. เวลาในการเห็นผล: HIFU สามารถเห็นผลได้ชัดเจนในระยะเวลา 2-3 สัปดาห์หลังการทำ ในขณะที่ Multipolar RF ผลลัพธ์อาจใช้เวลานานกว่า

การเลือกใช้เทคโนโลยี HIFU หรือ Multipolar RF สำหรับการยกกระชับหน้าและลดเลือนริ้วรอยนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพผิวของแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และสามารถดูแลรักษาความงามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงการดูแลผิวพรรณอย่างสม่ำเสมอ ร่วมกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อช่วยสนับสนุนผลลัพธ์จากการรักษาด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ได้อย่างยั่งยืน
ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้การดูแลผิวหน้าและการลดเลือนริ้วรอยเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกขึ้น ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาวิธีทำให้ผิวหน้ากระชับและดูอ่อนเยาว์


8
พูดคุยทั่วไป / 6 วิธีแก้โถสุขภัณฑ์กดไม่ลง
« เมื่อ: ธันวาคม 03, 2024, 03:31:34 PM »
โถสุขภัณฑ์ สุขภัณฑ์ชิ้นเดียว กดไม่ลง ทำยังไง
สาเหตุที่ทำให้โถสุขภัณฑ์กดไม่ลงมีอะไรบ้าง?

ต้นเหตุที่ทำให้ชักโครกกดไม่ลงมีด้วยกันหลากหลายประการ ซึ่งแน่นอนว่าหากทราบ ก็ย่อมเป็นประโยชน์ในการป้องกันตั้งแต่ต้นเหตุ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากปัญหาดังต่อไปนี้

    เกิดการอุดตัน: หนึ่งในสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดคือการอุดตันของท่อระบายน้ำที่เกิดจากการทิ้งกระดาษชำระหรือเศษขยะอื่น ๆ ลงในโถชักโครก ดังนั้นถึงแม้จะเป็นวิธีกำจัดขยะที่สะดวกสบาย แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันปัญหาที่ตามมา
    ระดับน้ำน้อยเกินไป: อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โถสุขภัณฑ์กดไม่ลงคือระดับน้ำในถังที่ต่ำเกินไป จนไม่เพียงพอที่จะชำระล้างและสร้างแรงดันเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกที่อยู่ในชักโครก ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหานี้ จึงควรหมั่นตรวจสอบระดับน้ำให้พอดีต่อการใช้งาน
    ลูกยางรั่ว: ลูกยางรั่วเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ชักโครกกดไม่ลง เนื่องจากลูกยางคือชิ้นส่วนที่ทำหน้าที่เปิดปิดช่องทางน้ำของโถสุขภัณฑ์ ดังนั้นเมื่อเกิดการรั่วน้ำจะค่อย ๆ ระบายออกจากถัง ทำให้ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการกดน้ำเพื่อชำระล้าง ซึ่งหากปัญหานี้เกิดขึ้น ควรเปลี่ยนลูกยางโดยเร่งด่วน
    ฟลัชวาล์วชำรุด: เป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อเวลาผ่านไป ฟลัชวาล์วอาจเกิดการชำรุดและสึกหรอได้ จากสาเหตุต่าง ๆ ไม่ว่าจะการเสื่อมสภาพตามธรรมชาติ หรืออุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ซึ่งย่อมส่งผลให้โถสุขภัณฑ์กดไม่ลงได้เช่นกัน จึงควรหมั่นตรวจสอบอยู่เป็นประจำ


 
6 วิธีแก้โถสุขภัณฑ์กดไม่ลง

เมื่อได้ทราบถึงต้นเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นกับสุขภัณฑ์ห้องน้ำ ที่ส่งผลให้ชักโครกกดไม่ลงกันไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ต่อให้พยายามป้องกันตั้งแต่ต้นเหตุอย่างรอบคอบเท่าไร ก็อาจเกิดปัญหาขึ้นได้อยู่ดี แต่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลใจไป เพราะเรามี 6 วิธีแก้โถสุขภัณฑ์กดไม่ลงมาแนะนำ ดังต่อไปนี้

    ใช้ปั๊มลูกสูบ: อุปกรณ์ที่นิยมที่สุดในการกำจัดสิ่งอุดตันในชักโครกคือปั๊มลูกสูบ สำหรับวิธีการใช้งาน ก็เพียงเติมน้ำลงในโถสุขภัณฑ์ให้เพียงพอเพื่อให้ลูกสูบสามารถสร้างแรงดูดได้ จากนั้นวางลูกสูบไว้เหนือรูระบายน้ำ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าปิดครอบรูให้สนิท ตามด้วยดันลงและดึงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำซ้ำหลาย ๆ ครั้งจนกว่าสิ่งอุดตันจะคลายออก

    ใช้น้ำร้อนกับน้ำยาล้างจาน: ถ้าหากใช้ปั๊มลูกสูบแล้วไม่ได้ผล อีกหนึ่งวิธีคือให้ลองใช้น้ำร้อนกับน้ำยาล้างจานเพื่อล้างสิ่งอุดตัน โดยเทน้ำร้อน 2-3 ถ้วยลงในโถสุขภัณฑ์ จากนั้นเติมน้ำยาล้างจานในปริมาณที่พอเหมาะ ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที โดยน้ำร้อนและน้ำยาล้างจานมีฤทธิ์ในการชำระล้างคราบฝังแน่น จากนั้นใช้ปั๊มลูกสูบเพื่อพยายามคลายการอุดตันภายในโถชักโครก



    ใช้สว่านชักโครก: สว่านชักโครกเป็นสายยาวที่ยืดหยุ่นได้ ซึ่งใช้เพื่อล้างสิ่งอุดตันในชักโครก โดยวิธีการใช้คือให้สอดสายเข้าไปในชักโครก ดันลงท่อระบายน้ำจนกว่าจะถึงจุดอุดตัน จากนั้นหมุนด้ามสว่านไปตามทิศทางตามเข็มนาฬิกาเพื่อสลายสิ่งอุดตัน

    ใช้เบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชู: อีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยขจัดสิ่งอุดตันในชักโครกคือการใช้เบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชู โดยให้เทเบกกิ้งโซดา 1 ถ้วยตวงลงไป จากนั้นเติมน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวง ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นใช้ปั๊มลูกสูบดันเข้าไปเพื่อคลายการอุดตัน

    ติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญ: หากวิธีการข้างต้นไม่ได้ผล ก็ถึงเวลาที่ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของช่างมืออาชีพ เนื่องจากพวกเขาจะมีเครื่องมือและความเชี่ยวชาญในการขจัดสิ่งอุดตันในโถสุขภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถระบุสาเหตุของการอุดตันและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคตได้อีกด้วย



    เปลี่ยนโถสุขภัณฑ์: สำหรับวิธีสุดท้ายถึงแม้จะต้องลงทุนมากที่สุด แต่ก็เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืนที่สุดเช่นกัน นั่นคือการเปลี่ยนมาใช้โถสุขภัณฑ์ที่มีระบบการชำระล้างแบบ TORNADO FLUSH ซึ่งเป็นเทคโนโลยีช่วยป้องกันการอุดตันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากถูกคิดค้นและพัฒนามาอย่างยาวนาน เพื่อให้ทำความสะอาดได้หมดจด โดยใช้น้ำในปริมาณน้อย รวมไปถึงทำงานควบคู่กับโถสุขภัณฑ์แบบไร้ขอบ RIMLESS จึงช่วยลดมุมอับ ซึ่งเป็น 1 ในสาเหตุหลักที่คราบสกปรกมักเกาะติดอยู่ด้านในชักโครก นอกจากนี้ หากเลือกสุขภัณฑ์ที่มีสารเคลือบ CEFIONTECT จะช่วยทำหน้าที่เคลือบพื้นผิวเซรามิกให้มีความเรียบลื่น ช่วยให้เวลากดชำระล้างสิ่งสกปรกจะหลุดออกไปได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้หากเลือกใช้เป็นโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติ หรือโถสุขภัณฑ์อัจฉริยะ ก็จะทำให้ไม่จำเป็นต้องมีฟลัชวาล์ว หรือปุ่มกดชำระที่โถส้วม เนื่องจากเป็นระบบอัตโนมัติภายในตัว สามารถชำระล้างได้เองหลังจากการใช้งานอุปกรณ์สุขภัณฑ์ หรือกดชำระจากรีโมทคอนโทรล ช่วยลดปัญหาฟลัชวาล์วชำรุดได้

9

เงินเดือน 20,000 บาท มีเงินเก็บ 2,000 บาท ถือว่าน้อยไหมคะ ?
เป็นคำถามยอดฮิตที่มักจะเห็นตามกระทู้เว็บบอร์ด เพราะใครๆ ต่างก็มีความฝันที่จะมีเงินเก็บก้อนโต เอาไว้ซื้อรถ ซื้อบ้าน ซื้อคอนโด เป็นทรัพย์สินให้ตัวเอง หรือบางคนก็อยากมีเงินเก็บเอาไว้ให้อุ่นใจในสภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย ไหนจะต้องคอยกังวลเรื่องเหตุฉุกเฉินต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ไม่รู้ว่าจะต้องหยิบเอาเงินสำรองออกมาใช้เมื่อไหร่ ถ้าวางแผนการออมเงินไม่ดี มีสิทธิ์กระเป๋าฉีกแน่นอน



     แต่การจะเก็บออมในช่วงที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานใหม่ๆ ด้วยฐานเงินเดือนที่ไม่มากนัก โบนัสก็ยังไม่แน่นอน คงจะเป็นเรื่องยาก อย่าเพิ่งท้อกันไปเสียก่อน เพราะทำยากก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำไม่ได้

วิธีการออมเงินให้เหมาะกับวัยทำงานมือใหม่
     วันนี้เราจะขอเสนอ วิธีการออมเงินให้เหมาะกับวัยทำงานมือใหม่ เคล็ดลับง่ายๆ ที่จะทำให้โอกาสการเป็นเศรษฐีอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมประกันควบการลงทุน

ออมเงิน 10% ของรายได้
     ถึงแม้ว่าจะ ออมน้อย แต่อย่างน้อยก็ยัง ออมนะ เริ่มต้นกำหนดเป้าหมายในการออมแบบไม่หักโหม ด้วยการคิดเป็น 10% ของรายได้ เช่น หากคุณมีเงินเดือน 25,000 บาท เก็บออม 10% ก็จะเท่ากับ 2,500 บาท และต้องรีบ
ออมก่อนใช้ นั่นก็คือออมเงินทันทีที่ได้รับมา เพราะการ ใช้ก่อนออม หากไม่หักห้ามใจให้ดี ก็มีสิทธิ์ใช้เงินเพลินจนไม่เหลือเก็บแน่นอน

สร้างวินัยในการใช้เงิน
     การมีวินัยเป็นนิสัยพื้นฐานของคนมีเงินเก็บ เมื่อคุณตั้งใจแน่วแน่ที่จะเก็บเงินให้ได้สักก้อน คุณจะต้องกำหนดกฎเกณฑ์ในการใช้เงิน เช่น หากรู้ตัวว่าเป็นคนใช้เงินเก่งต้องกำหนดจำนวนเงินที่ใช้ได้ในแต่ละวัน ห้ามใช้เกินเด็ดขาด หรือบางคนที่เป็นสายแข็งหน่อย ก็อาจจะออมเงินเท่ากับจำนวนที่ใช้จ่ายไปในแต่ละครั้ง ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยควบคุมการใช้เงินกับสิ่งไม่จำเป็น และทำให้มีเงินออมเพิ่มมาแบบไม่รู้ตัวอีกด้วย



ซื้อกองทุนหรือสลาก
     สำหรับคนที่ไม่ต้องการจะเก็บออมจากเงินเดือนอย่างเดียว ก็อาจเลือกวิธีการซื้อกองทุนหรือสลาก ซึ่งถือเป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่งที่อาจได้รับผลตอบแทนก้อนโต แต่คุณจะต้องศึกษาถึงความเสี่ยง และวางแผนในการจัดสรรรายได้มาลงทุนให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดเป็นภาระค่าใช้จ่ายในอนาคต

เก็บเงินด้วยการซื้อประกันออมทรัพย์
     ประกันออมทรัพย์ หรือ ประกันสะสมทรัพย์ คือ ประกันรูปแบบหนึ่งที่ผู้ซื้อกรรมธรรม์จะได้รับทั้งความคุ้มครอง และ สามารถออมเงินไปในตัว โดยจะได้รับเงินก้อนเมื่อถึงระยะเวลาที่ได้กำหนดไว้ จึงถือเป็นอีกหนึ่งวิธีการออมเงินสำหรับผู้ที่ฉลาดเลือก เพราะได้ผลประโยชน์แบบยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว

แต่จะเลือกซื้อประกันออมทรัพย์อย่างไรให้เหมาะสมกับวัยทำงานมือใหม่ บอกเลยว่าพิจารณาง่ายๆ โดยการเลือกแผนประกันออมทรัพย์ที่เบี้ยไม่แพง แต่ได้รับเงินคืนในอัตราที่คุ้มค่า สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามรูปแบบการใช้จ่ายของคุณ ไม่ว่าจะออมแบบระยะสั้น 3 ปี  5 ปี 10 ปี หรือ ออมยาวๆ 20 ปี ก็กำหนดเองได้เช่นกัน



10



เจาะลึกวิธีติดตั้งสุขภัณฑ์อย่างถูกหลัก ทั้งการเตรียมระบบสุขาภิบาล ติดตั้งวาล์วเปิด-ปิดน้ำ ติดตั้งโถชักโครกและชุดอุปกรณ์ถังพักน้ำ ที่คนกำลังทำบ้านต้องรู้

ห้องน้ำ พื้นที่สำคัญที่ไม่ว่าบ้านไหนก็ต้องมี และ สุขภัณฑ์ห้องน้ำ ก็เป็นอุปกรณ์ในห้องน้ำที่ทุกบ้านขาดไม่ได้ สำหรับผู้ที่กำลังรีโนเวทบ้านหรือสร้างบ้านใหม่ ก่อนจะติดตั้งสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ จำเป็นจะต้องเตรียมตัวอย่างไร รวมถึงควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีติดตั้งสุขภัณฑ์เบื้องต้นมากน้อยแค่ไหน บทความนี้สรุปมาให้อย่างครบถ้วนทุกประเด็น ติดตามกันได้เลย

การเตรียมตัวก่อนติดตั้งสุขภัณฑ์
ทุกคนคงทราบกันดีว่าการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ในห้องน้ำนั้น ย่อมต้องให้ความสำคัญกับการเตรียมพื้นที่ให้พร้อมไม่แพ้พื้นที่อื่น ๆ ในบ้าน เพื่อให้การติดตั้งระบบน้ำและสุขภัณฑ์ทุกชิ้นถูกต้องตรงตามมาตรฐาน และมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน ทั้งยังจะส่งผลต่อการใช้งานที่ยาวนาน โดยก่อนการติดตั้งอุปกรณ์ห้องน้ำทุกประเภท ต้องเตรียมตัวให้พร้อมด้วย 5 ขั้นตอนเหล่านี้



1. เตรียมงานโครงสร้างให้สมบูรณ์
อันดับแรก ไม่ว่าจะทำห้องน้ำใหม่หรือรีโนเวทห้องน้ำเดิม ต้องเริ่มจากงานโครงสร้างที่แข็งแรง วางแปลนให้ชัดเจนว่าห้องน้ำของคุณมีขนาดกี่ตารางเมตร สุขภัณฑ์แต่ละชิ้นจะติดตั้งไว้ที่ตำแหน่งใด และแบ่งโซนเปียกโซนแห้งให้ชัดเจน เพื่อความสะดวกและความปลอดภัยในการใช้งาน หรือหากคุณต้องการผนังกั้นหรือติดตั้งอ่างอาบน้ำ ก็สามารถวางแผนได้ตั้งแต่ขั้นตอนนี้เลย

2. เลือกกระเบื้องพื้นและผนัง
เมื่อโครงสร้างพร้อมแล้ว ลำดับถัดมาคือการเลือกกระเบื้องให้เหมาะกับการใช้งาน โดยกระเบื้องสำหรับปูพื้นห้องน้ำควรมีค่าการดูดซึมน้ำต่ำ และมีค่ากันลื่นหรือค่า R ขั้นต่ำอยู่ที่ R10 เพื่อป้องกันพื้นลื่นเกินไปจนก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ส่วนกระเบื้องผนังก็สามารถเลือกที่สีสันและลวดลายเข้ากับกระเบื้องปูพื้นได้เลย
           
3. วาง 3 ระบบสำคัญให้ได้มาตรฐาน
นอกจากงานโครงสร้างแล้ว งานระบบก็ถือเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน สำหรับ 3 ระบบสำคัญที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษในการก่อสร้างห้องน้ำ ได้แก่

* ระบบระบายอากาศ: ห้องน้ำควรระบายอากาศได้ดี เพื่อลดปัญหาความอับชื้นและป้องกันการสะสมของเชื้อโรค โดยสามารถทำได้ทั้งการติดตั้งหน้าต่างและการติดตั้งพัดลมระบายอากาศโดยเฉพาะ

* ระบบประปา: ถือเป็นระบบที่สำคัญที่สุดในห้องน้ำ จึงควรติดตั้งให้ได้มาตรฐาน ทั้งปั๊มน้ำ ถังเก็บน้ำ ท่อน้ำดี ท่อระบายน้ำ และท่อน้ำทิ้ง ป้องกันปัญหาน้ำรั่วซึมหรือน้ำไม่ไหลตามมาในภายหลัง

* ระบบไฟฟ้า: อย่าลืมเตรียมระบบไฟฟ้าเอาไว้สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น เช่น สุขภัณฑ์อัจฉริยะ เครื่องทำน้ำอุ่น ไดร์เป่าผม ติดตั้งเต้าปลั๊กไฟในโซนแห้ง เตรียมสายดินให้พร้อม รวมถึงหากเป็นปลั๊กที่อยู่บริเวณด้านล่างใกล้กับพื้นห้องน้ำ ควรติดตั้งให้สูงห่างจากพื้นอย่างน้อย 30 ซม. และควรมีฝาพลาสติกครอบปลั๊กไฟ ช่วยป้องกันน้ำกระเซ็นในขณะที่ทำความสะอาดห้องน้ำ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ห้องน้ำผู้สูงอายุ


         
4. เลือกสุขภัณฑ์ที่ตอบโจทย์
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกสุขภัณฑ์ มีอยู่หลากหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นประเภทของสุขภัณฑ์ ขนาด สี ระบบชำระล้าง และดีไซน์ เบื้องต้นแนะนำให้เลือกขนาดที่เหมาะสมกับพื้นที่ห้องน้ำ ความสูงเหมาะกับผู้ใช้งาน สีและดีไซน์เข้ากับกระเบื้อง รวมถึงคอนเซปต์โดยรวมของบ้านด้วย หรือหากเป็นผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยี นวัตกรรมล้ำสมัย ในด้านสุขอนามัยและช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานห้องน้ำ สามารถเลือกใช้เป็นสุขภัณฑ์อัตโนมัติ หรือสุขภัณฑ์ที่มาพร้อมฝารองนั่งอัตโนมัติ ก็จะช่วยให้คุณมีสุขภาวะที่ดีมากยิ่งขึ้น

5. ใช้บริการช่างก่อสร้างและผู้รับเหมาที่น่าเชื่อถือ
อยากแน่ใจว่าห้องน้ำของคุณจะสวยงาม ใช้งานได้ตอบโจทย์ อย่าลืมเลือกใช้ช่างก่อสร้างและผู้รับเหมาที่มีความสามารถ เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้าง วางระบบ และติดตั้งอุปกรณ์สุขภัณฑ์ อย่างแท้จริง เพียงเท่านี้ ขั้นตอนการเตรียมตัวติดตั้งระบบสุขภัณฑ์ของคุณก็จะสมบูรณ์แบบแล้ว


11
ตรวจสุขภาพประจำปี จำเป็นอย่างไร


หลายคนมักละเลยการตรวจสุขภาพประจำปีเพราะรู้สึกว่าไม่สำคัญ เพราะส่วนใหญ่มักจะรอให้เจ็บหรือป่วยแล้วค่อยมาโรงพยาบาล ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นมักพบอีกทีเมื่อมีอาการหนัก หรือเรื้อรัง ซึ่งยากต่อการรักษาไปเสียแล้ว นั่นเป็นเพราะว่าเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพร่างกายนั่นเอง

ข้อดีของการตรวจสุขภาพประจำปี
 
หนึ่งในขั้นตอนที่ทำสำคัญที่สุดของการซื้อประกันสุขภาพ คือ การเลือกประเภทของประกันชีวิต ซึ่งปัจจุบันประกันชีวิตมีหลากหลายประเภท ทั้งด้านความคุ้มครองและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน เราจึงควรเลือกประเภทประกันชีวิตที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ และรายได้หลักของเรา โดยประกันชีวิตนั้นแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
 
1. ป้องกันหรือค้นหาโรคและภาวะผิดปกติในร่างกาย
เพราะบางโรคเราสามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ การที่เราตรวจเจอจะทำให้เราได้รับการรักษาที่เหมาะสม และหาทางป้องกันไม่ให้โรคนั้นลุกลามหรือไปถึงขั้นที่รุนแรงได้ หรือแม้จะไม่ได้ตรวจพบว่าเป็นโรคอะไร แต่มีภาวะเสี่ยงที่จะเกิดโรคนั้นๆ เราก็สามารถหาวิธีป้องกันหรือลดปัจจัยที่จะทำให้เกิดได้อีกด้วย

2. จุดเริ่มต้นการต่อสู้กับโรคร้ายที่ดีที่สุด
หลายคนไม่ตรวจสุขภาพประจำปีเพราะกลัวการตรวจเจอโรคต่างๆ ซึ่งความจริงนั้นการตรวจเจอโรคร้ายต่างๆ นั้นยิ่งเร็วยิ่งดี เพราะจะช่วยให้เราวางแผนการรักษาที่เหมาะสมได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ทั้งยังช่วยให้เราวางแผนในการดูแลตนเองได้อย่างถูกต้องเหมาะสมด้วย ทำประกันมะเร็ง

3. ลดอัตราการป่วย และเสียชีวิต
อีกข้อดีของการตรวจสุขภาพประจำปี คือการที่เราจะทราบสภาวะปัจจุบันของร่างกายได้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อนำไปสู่การดูแลสุขภาพที่เหมาะสม ทำให้ช่วยลดอัตราการเจ็บป่วย และเสียชีวิตได้นั่นเอง



ควรเริ่มตรวจสุขภาพประจำปีตอนอายุเท่าไหร่?
โดยปกติแล้วการตรวจสุขภาพประจำปีควรเริ่มตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป แต่ถ้ามีอาการที่ผิดปกติหรือน่าสงสัยก็สามารถเข้ารับการตรวจก่อนอายุ 20 ปี โดยในแต่ละช่วงอายุนั้นก็จะมีสิ่งที่ควรตรวจแตกต่างกันไป เช่น
ผู้หญิงที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป และเคยมีเพศสัมพันธ์ควรเข้ารับการตรวจมะเร็งปากมดลูก
ผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปควรตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากปีละ 1 ครั้ง
ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปควรตรวจการติดเชื้อทางเดินอาหาร และตรวจช่องท้องเพื่อหาความผิดปกติของถุงน้ำดี ตับ และไต
ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปต้องตรวจสมรรถภาพการทำงานของหัวใจ และความแข็งแรงของกระดูก เป็นต้น



การมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและไร้โรคภัยนั้นถือเป็นอีกข้อที่สำคัญในชีวิต ซึ่งนอกจากการตรวจสุขภาพประจำปีที่จะช่วยให้เราวางแผนและดูแลเรื่องสุขภาพได้แล้วนั้น การทำประกันสุขภาพ ก็เป็นอีกตัวช่วยที่น่าสนใจเพราะเป็นอีกตัวช่วยที่ทำให้เราสามารถอุ่นใจได้แม้ในวันที่เจ็บป่วย เพราะมีความคุ้มครองที่ทั้งคุ้มค่าและครอบคลุม นอกจากนี้เบี้ยประกันชีวิต ลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย การดูแลสุขภาพและวางแผนการดูแลสุขภาพที่ถูกต้องเหมาะสมจึงสำคัญ เพราะเราไม่อาจรู้เลยว่าร่างกายที่อยู่กับเราทุกวันนั้นจะสมบูรณ์แข็งแรงได้แบบนี้ไปได้ถึงเมื่อไร

12
รูปแบบของก๊อกน้ำฝักบัว วัสดุที่นิยมใช้ทำก๊อกน้ำ คือ สแตนเลสเนื่องจากมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และปลอดภัยจากสารตกค้างประเภทโลหะหนัก ซึ่งก๊อกน้ำฝักบัวมีทั้งหมด 2 ประเภท สามารถเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน ได้แก่
ก๊อกเดี่ยว คือ ก๊อกน้ำที่สามารถเปิดใช้น้ำเย็นได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ก๊อกผสม คือ ก๊อกน้ำที่สามารถเปิดใช้ได้ทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็น โดยมีทั้งแบบก้านโยกซ้าย - ขวาซึ่งมีสัญลักษณ์บอกน้ำร้อนและน้ำเย็นอยู่ที่ตัวก๊อก และก๊อกที่แยกจุดเปิดน้ำร้อนและน้ำเย็นเป็นสองฝั่งเพื่อปรับระดับความร้อน – เย็นตามความต้องการ ซึ่งการติดตั้งมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นก๊อกที่ติดตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์, ก๊อกที่ติดตั้งอยู่กับเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า และก๊อกที่ติดตั้งออกจากผนัง



นวัตกรรมก๊อกน้ำฝักบัวที่ใช้งานง่าย สะดวกสบาย และทนทาน
ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันที่นิยมใช้ก๊อกน้ำและก๊อกน้ำฝักบัวแบบผสมคือสามารถใช้ได้ทั้งน้ำร้อน และน้ำเย็น TOTO จึงได้พัฒนานวัตกรรม COMFORT GLIDE โดยปรับปรุงและพัฒนาแผ่นเซรามิกที่อยู่ในวาล์ว ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญภายในก๊อกอ่างล้างหน้าที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย ควบคุมการปล่อยน้ำได้ง่ายดายกว่าเดิมแค่ขยับก้านโยกเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ก๊อกน้ำที่มาพร้อมระบบ COMFORT GLIDE ยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า และมีความเสถียรของแรงในการขยับก้านโยกต่อครั้งได้ดีกว่าก๊อกน้ำทั่ว ๆ ไปอีกด้วย


รูปแบบการติดตั้งก๊อกน้ำฝักบัวตามการใช้งาน
นอกจากรูปแบบก๊อกน้ำและฝักบัวที่เหมาะกับการใช้งานแล้ว รูปแบบการติดตั้งก๊อกน้ำตามการใช้งานก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง เนื่องจากต้องเลือกการติดตั้งให้เหมาะสมกับแบบห้องน้ำ โดยรูปแบบการติดตั้งก๊อกมีทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่

1. ก๊อกน้ำและฝักบัวแบบฝังผนัง
เหมาะสำหรับก๊อกอ่างล้างหน้า อ่างล้างหน้า และฝักบัว เนื่องจากผู้ใช้งานสามารถเลือกตำแหน่งที่ต้องการติดตั้งได้ เหมาะสำหรับห้องน้ำที่มีพื้นที่ขนาดเล็ก เพราะช่วยประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งฝักบัวในห้องน้ำ และยังเลือกติดตั้งคู่กับสุขภัณฑ์อื่น ๆ ได้ตามความต้องการ

2. ก๊อกน้ำและฝักบัวแบบตั้งพื้น
เหมาะสำหรับการใช้งานกับอ่างอาบน้ำ มีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับห้องน้ำที่ต้องการเน้นเรื่องดีไซน์ในการออกแบบ สำหรับก๊อกน้ำแบบตั้งพื้นจาก TOTO ถูกออกแบบให้เลือกจับคู่กับอ่างอาบน้ำแบบต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว เหมาะกับการตกแต่งทุกสไตล์

3. ก๊อกน้ำแบบตั้งเคาน์เตอร์
เหมาะกับการเป็นก๊อกอ่างล้างหน้า ทั้งอ่างล้างหน้าแบบวาง หรืออ่างล้างหน้าฝังบนเคาน์เตอร์ที่มีช่องสำหรับติดตั้งก๊อกน้ำ ข้อดีคือสามารถบำรุงรักษาได้สะดวก



วิธีเลือกก๊อกน้ำระบบเซ็นเซอร์
ปัจจุบันก๊อกน้ำระบบเซ็นเซอร์ หรือ สุขภัณฑ์อัตโนมัติ นั้นได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากสะดวกสบาย และช่วยหลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อโรคได้ดีกว่าก๊อกซิงค์ปกติที่เราต้องเอามือไปสัมผัสเพื่อเปิด - ปิดก๊อกน้ำ โดยวิธีการเลือกก๊อกเซ็นเซอร์มี 4 วิธีหลัก ๆ ได้แก่

1. สำรวจระบบน้ำและไฟฟ้าสำหรับติดตั้งก๊อกน้ำ
ก่อนเลือกซื้อก๊อกน้ำระบบเซ็นเซอร์ควรสำรวจระบบไฟฟ้าและระบบประปาภายในบ้านเสียก่อน เนื่องจากก๊อกแต่ละรุ่นนั้นมีเงื่อนไขการติดตั้งที่แตกต่างกันซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้งานอีกด้วย

2. รูปแบบการติดตั้งก๊อก
โดยปกติก๊อกระบบเซ็นเซอร์นั้นมีทั้งแบบใช้ไฟฟ้าในบ้านและใช้แบตเตอรี่ในตัว แต่ด้วยนวัตกรรม SELF POWER จาก TOTO ที่ได้พัฒนาก๊อกระบบเซ็นเซอร์ที่ไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้า แต่ใช้พลังงานจากการไหลของน้ำทำหน้าที่ชาร์จแบตเตอรี่ให้ตัวก๊อกทำงาน ซึ่งช่วยประหยัดพลังงาน และลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา

3. เลือกจากดีไซน์และการตกแต่งห้องน้ำ
การเลือกซื้อก๊อกน้ำระบบเซ็นเซอร์ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง จึงควรเลือกดีไซน์ก๊อกที่ถูกใจและเข้ากับสไตล์ห้องน้ำที่สุดเพื่อให้คุ้มค่ากับการลงทุน และอย่าลืมทดลองใช้ก๊อกเพื่อเช็กประสิทธิภาพว่าใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่

4. ฟังก์ชันการใช้งานของก๊อกเซ็นเซอร์
สำหรับฟังก์ชันของก๊อกเซ็นเซอร์คุณภาพดีที่ควรพิจารณา คือ ก๊อกที่ใช้ควรจะปล่อยน้ำออกมาทันทีเมื่อยื่นมือเข้าไปใกล้ระยะ และปิดน้ำทันทีเมื่อนำมือออกจากระยะเซ็นเซอร์ นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนอุณหภูมิร้อน - เย็นได้โดยไม่ต้องสัมผัสกับก๊อกน้ำอีกด้วย



13
ฝักบัวน้ำหยดเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในห้องน้ำที่สร้างความรำคาญใจให้กับหลายคน แต่ใครว่าปัญหานี้แก้ไม่ได้ มาดู 5 วิธีแก้น้ำฝักบัวหยดที่ทำได้ง่าย ๆ



ฝักบัวน้ำหยด เป็นปัญหาในห้องน้ำที่หลายบ้านต้องเผชิญกันอยู่บ่อย ๆ โดยน้ำฝักบัวหยดนั้นไม่เพียงแต่ส่งผลให้พื้นห้องน้ำเปียกลื่นเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ ยังส่งผลให้ค่าน้ำพุ่งสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่อย่างไรก็ตามปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ไขหรือป้องกันไม่ได้ โดย TOTO ได้แนะนำ 5 วิธีแก้ไขปัญหาฝักบัวน้ำหยด มาฝากทุกคนแล้วในวันนี้

 
5 วิธีแก้ไขปัญหาฝักบัวน้ำหยด ให้ครบปัญหา
1. ตรวจสอบก๊อกน้ำ
ในหลายกรณีปัญหาฝักบัวน้ำหยดอาจมีต้นตอปัญหาจากก๊อกน้ำ จึงควรเริ่มจากการตรวจสอบก๊อกน้ำเสียก่อนว่ามีปัญหา เสียหาย หรือเสื่อมคุณภาพหรือไม่ โดยวิธีการตรวจสอบง่าย ๆ เพียงทดลองปิดก๊อกน้ำซึ่งเป็นตัวควบคุมแรงดันน้ำ ในกรณีที่เป็นฝักบัวก้านแข็ง หลังจากปิดก๊อกน้ำแล้วหากพบว่ามีน้ำฝักบัวหยดออกมาแสดงว่าก๊อกน้ำนั้นเสื่อมสภาพหรือเสียหาย หรือในกรณีที่ถ้าเป็นฝักบัวสายอ่อน ให้ถอดสายฝักบัวออก หากพบว่ามีน้ำหยดก็อาจหมายความว่าก๊อกน้ำนั้นมีความผิดปกติได้เช่นกัน

2. เปลี่ยนก๊อกน้ำ
หากพบปัญหาก๊อกน้ำฝักบัวชำรุดเสียหายซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำฝักบัวหยด ก็สามารถแก้ไขด้วยการเปลี่ยนก๊อกน้ำอันใหม่ โดยขั้นตอนนี้ทุกคนสามารถทำได้ที่บ้านด้วยการปิดก๊อกน้ำ แล้วถอดก๊อกน้ำออกจากสายฝักบัว จากนั้นจึงเปลี่ยนชิ้นใหม่เข้าไปจากนั้นจึงพันด้วยเทปประปาก็เป็นอันเรียบร้อย



3. ทำความสะอาดคราบหินปูนที่หัวฝักบัว
คราบหินปูนหรือคราบสกปรกที่หัวฝักบัวเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้น้ำไหลออกจากฝักบัวได้ไม่สะดวก ซึ่งส่งผลให้เกิดน้ำตกค้างในหัวฝักบัวและเป็นที่มาของน้ำฝักบัวหยดได้ ดังนั้นควรทำความสะอาดหัวฝักบัวอย่างสม่ำเสมอ โดยถอดหัวฝักบัวออกมาทำความสะอาดคราบหินปูนภายในก็จะช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานให้ยาวนานได้มากยิ่งขึ้น

สำหรับฝักบัวที่ไม่สามารถถอดหัวออกมาล้างทำความสะอาดได้ สามารถใช้วิธีง่าย ๆ เพียงนำยาสีฟันมาป้ายแล้วขัดหัวฝักบัวให้สะอาด หรือใช้วิธีใช้น้ำส้มสายชูใส่ลงในถุงพลาสติกแล้วนำไปสวมเข้าในหัวฝักบัว รัดปากถุงให้แน่นแล้วทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วเปิดน้ำทิ้งไว้สักพักหนึ่ง แล้วนำแปรงสีฟันมาขัดคราบสกปรกออกก็เป็นที่เรียบร้อย

 
4. ตั้งฝักบัวให้สูงกว่าเครื่องทำน้ำอุ่น
ตั้งฝักบัวให้สูงกว่าเครื่องทำน้ำอุ่น
ปัญหาน้ำค้างในหัวฝักบัวอาบน้ำก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฝักบัวน้ำหยด เนื่องจากหลังใช้งานฝักบัวเสร็จแล้วมักจะยังมีน้ำค้างอยู่ภายในหัวฝักบัวซึ่งเกิดจากแรงดันของเครื่องทำน้ำอุ่น ดังนั้นควรตั้งฝักบัวให้อยู่สูงกว่าเครื่องทำน้ำอุ่นเพื่อป้องกันปัญหาน้ำฝักบัวหยดได้อีกทางหนึ่ง

 
5. เลือกใช้ฝักบัวที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพ
ฝักบัวเป็นอุปกรณ์ที่ผลิตจากวัสดุได้หลายชนิด ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการใช้งาน การตกแต่ง และราคา สำหรับวัสดุที่เหมาะกับการทำฝักบัวมากที่สุดก็คือ สแตนเลส หรือโครเมียม เนื่องจากวัสดุเหล่านี้มีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้อย่างยาวนานมากกว่าฝักบัวพลาสติก ซึ่งการใช้ฝักบัวที่มีคุณภาพสูงจะช่วยป้องกันน้ำหยดจากฝักบัวได้เช่นกัน



นอกจาก 5 วิธีแก้ไขปัญหาฝักบัวน้ำหยดจะช่วยแก้ปัญหากวนใจในห้องน้ำแล้ว การใช้ฝักบัวที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีอันทันสมัยยังช่วยสร้างความผ่อนคลายให้กับผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดน้ำได้ เช่น ฝักบัว AERIAL SHOWER ที่เพิ่มมวลอากาศเข้าไปในสายน้ำ ทำให้ใช้น้ำในปริมาณที่น้อยลง นวัตกรรม ACTIVE WAVE ที่สร้างเกลียวน้ำขนาดใหญ่ COMFORT WAVE ซึ่งผสมผสานเกลียวน้ำหลายแบบช่วยให้ความชุ่มฉ่ำทุกสัมผัส และการปล่อยน้ำให้ไหลห่อหุ้มร่างกายโดยไม่กระเซ็นออกด้านข้างของ WARM SPA ช่วยให้ทุกคนในครอบครัวได้รับความสะอาด และผ่อนคลายได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง


หน้า: [1]