ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

คลิกที่นี่เพื่ออัพโหลดรูป

Verification:
Type the letters shown in the picture
Listen to the letters / Request another image

Type the letters shown in the picture:
พิมพ์หรือคัดลอกคำว่า "กล้องถ่ายรูป" ลงในช่องด้านล่าง:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: มด
« เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2018, 01:01:39 PM »

ข้อความโดย: fgfhgdfh
« เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2018, 12:28:52 PM »

ขอบคุณ
ข้อความโดย: มด
« เมื่อ: ตุลาคม 19, 2018, 09:59:50 AM »

ขอบคุณ ข้อมูลดี ๆ  ที่มีให้อ่านกันครับ


ขอบคุณครับ
ข้อความโดย: siritidaphon
« เมื่อ: ตุลาคม 18, 2018, 09:39:09 PM »

นกแก้วริงเนค สวย เชื่อง แสนรู้ (เทคโนโลยีชาวบ้าน)  นกริงเนค (Ring-necked) นับเป็นนกแก้วอีกสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีสีสันสวยงามและหลากหลายสี ราว 30-40 สี ในวงการเรียกตามชื่อสีสากล เช่น กรีน เกรย์กรีน บลู บลูชินเนมอน ลูติโน อัลบิโน เยลโล่ เยลโล่เฮดซินเนมอน และไวท์เฮดบลูชินเนมอน ทั้งยังสามารถเพาะเลี้ยงให้เกิดสีใหม่ๆ ขึ้น อย่างไม่มีที่สิ้นสุด มีรูปร่างสวยงาม พูดเก่ง และไม่ส่งเสียงดัง

          "นกกลุ่มนี้ถ้าคุ้นเคยกับเจ้าของมากเท่าไหร่ ก็จะฝึกได้ง่ายมากเท่านั้น แต่เราต้องทำให้รู้สึกว่ามนุษย์เป็นมิตรกับเขา ไม่ได้ทำร้ายเขา ไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวด เขาก็จะไม่กลัวและยอมเข้าใกล้เรา นกก็เหมือนหมานะ คือเขาชอบเลีย เราฝึกเขาแล้วใครก็จับได้ ผมคิดว่านกไทยเราฝึกให้เชื่องได้ง่ายกว่านกต่างประเทศ เพราะนกต่างประเทศจะดื้อ แต่นกไทยเรามีจุดเสียตรงกฎหมาย แต่ที่ต่างประเทศเขาเอาไปเพาะได้ แถมกลับมาส่งขายบ้านเราตัวเป็นแสนก็มี ทั้งที่คนไทยเก่งเรื่องเพาะพันธุ์กันเยอะ" คุณไพทูรย์ เปิดอก


   ผู้เลี้ยงต้องดูแลใส่ใจตั้งแต่ยังเป็นลูกนกหรือที่เรียกกันว่าลูกป้อน ซึ่งโดยทั่วไปลูกนกแรกเกิดในวันที่สองผู้เลี้ยงมักจะนำมาป้อนอาหารเหลวเองทุกๆ สองชั่วโมง ต้องเลี้ยงในที่ที่มิดชิด เลี้ยงในกล่อง ตู้กระจก หรือตู้อบที่ให้ความอบอุ่นแก่ลูกนกได้ จนกว่าขนนกจะขึ้นเต็มและจะบิน หรือกล้าขยับปีกบิน และสามารถกินอาหารได้เอง ซึ่งจะอยู่ในวัยราว 2 เดือน

          แต่สำหรับผู้มีพื้นฐานการเลี้ยงนก คุณไพทูรย์แนะนำให้ผู้เลี้ยงป้อนเอง ดูแลลูกนกเอง เพื่อสร้างความคุ้นเคย ควรให้เรียกชื่อตั้งแต่วัยลูกป้อน ลูกนกจะสามารถกินอาหารได้เอง ผู้เลี้ยงต้องหมั่นเรียกชื่อและให้อาหารจากมือ เมื่อลูกนกเริ่มคล่องแคล่วจึงค่อยๆ ฝึกให้ยืนนิ่งๆ บนคอนพัก หมั่นใส่ใจให้ลูกนกออกมาเล่นนอกกรงและอยู่กับคนให้มาก และฝึกให้นกพูดด้วยโดยการจ้องหน้าแล้วหมั่นพูดกับนกอย่างสม่ำเสมอ
          "ผมอาศัยฝึกนกเป็นชุด ซื้อนกที่วัยใกล้ๆ กัน เลี้ยงด้วยกัน แล้วก็ฝึกรวมกันทีเดียวเลย เมื่อก่อนเคยฝึกทีละตัว ใช้เวลานานมาก แต่ถ้าฝึกรวมกันเขาจะเกิดพฤติกรรมการเลียนแบบกันเอง เช่น ถ้าตัวหนึ่งเข้ามา เขาก็จะกรูกันเข้ามา แล้วก็ไม่กัดกัน ไม่มีปัญหาเรื่องนี้เลย แต่ถ้าแยกฝึกแล้วให้มาอยู่รวมกันเขาจะกัดกันด้วยความอิจฉาหรือกัดกันตามธรรมชาติ เพราะนกที่มีขนาดใหญ่กว่าจะกัดนกที่มีขนาดเล็กกว่า แต่ถ้าฝึกไม่พร้อมกัน นกจะไม่ค่อยมายืนรวมกัน ถ้าเราเล่นกับอีกตัวนึง อีกตัวก็จะไม่พอใจ เหมือนอิจฉากัน ทุกวันนี้ผมเลี้ยงนกเหมือนลูก ไม่ได้เลี้ยงเหมือนนก เวลาเขาไม่เห็นเราเขาจะเครียด แต่ถ้าเขาเห็นเราเขาจะร่าเริง เดินผ่านก็จะมอง จะเรียก พ่อคับ แม่คับ"

          แม้ว่า นกริงเนค โดยธรรมชาติมีลักษณะนิสัยค่อนข้างเรียบร้อย แต่โดยสัญชาตญาณก็เป็นนกที่มักหวาดระแวงไม่เบา คุณไพทูรย์ บอกว่า หากนกได้รับการฝึกฝนแล้วจะลดอาการขี้ตกใจไปได้มาก แต่ก็ต้องขอบอกว่าถึงจะเป็นนกสายพันธุ์เดียวกันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องนิสัยเหมือนกันทุกตัว

          "นกก็เหมือนคน มีนิสัยไม่เหมือนกัน บางตัวฝึกเหมือนกันแต่ก็ดื้อกว่าตัวอื่นๆ บางตัวเกเรมากๆ ไม่ให้จับเลย บางตัวชอบบินหนี เราจึงต้องซอยปีกนกออกเพื่อไม่ให้บินไปไกล หรือบินได้แค่ต่ำๆ เพราะถ้านกบินขึ้นฟ้าก็อาจจะหลง ถ้าบินไปเจอนกเหยี่ยว เขาก็จะหวาด หรือไปเจออะไรที่อันตรายได้ นกเลี้ยงให้ออกไปข้างนอกก็ตาย เพราะหากินไม่เป็น ไปเจอหมา เจอแมว ก็ไม่ปลอดภัย ยิ่งถ้าเป็นนกที่เราฝึกได้หลุดไปก็น่าเสียใจเหมือนกัน จริงๆ คนที่ซอยปีกนกเป็นการป้องกัน ไม่ใช่เพื่อการทารุณ เพราะเราต้องคิดด้วยว่านกจะอยู่ต่อไปยังไง"