กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: [1] 2 3 ... 10
2
ห้องน้ำไม่ใช่เพียงแค่พื้นที่ชำระล้างร่างกายอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็น Sanctuary หรือพื้นที่พักผ่อนส่วนตัวที่ช่วยเติมพลังหลังจากวันอันแสนเหนื่อยล้า การออกแบบ ห้องน้ำดีไซน์ใหม่ทันสมัย จึงต้องให้ความสำคัญทั้งเรื่องความสวยงาม และความสะดวกสบายวันนี้เราจะพาไปดูเทคนิคการเนรมิตห้องน้ำในฝันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่

1. เลือก "แบบห้องน้ำ" ที่ใช่สะท้อนสไตล์
เทรนด์ แบบห้องน้ำ ในปัจจุบันเน้นความเรียบง่ายแต่มีรายละเอียด
Modern Organic: เน้นการใช้สีโทน Earth Tone ผสมผสานกับวัสดุธรรมชาติ เช่น หินอ่อน หรือไม้สังเคราะห์ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย
Smart Luxury: เน้นความหรูหราด้วยเส้นสายที่โฉบเฉี่ยว และการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เช่น กระจกอัจฉริยะที่แสดงอุณหภูมิได้ หรือระบบไฟซ่อน
Compact Functional: สำหรับคอนโดที่มีพื้นที่จำกัด การเลือกแบบที่เน้นการใช้พื้นที่แนวตั้งและการกั้นโซนเปียก-แห้งด้วยกระจกใส จะช่วยให้ห้องดูโปร่งกว้างขึ้น



2. เทคนิคการสร้าง "ห้องน้ำสวยน่าใช้" และดูแลรักษาง่าย
ห้องน้ำสวยน่าใช้ ต้องมาพร้อมกับการทำความสะอาดที่สะดวก เพื่อให้ความสวยนั้นคงอยู่ไปนานๆ
กระเบื้องแผ่นใหญ่: ช่วยลดรอยต่อของยาแนว ทำให้ห้องดูสะอาดตาและลดการสะสมของคราบสกปรก
การจัดแสง: นอกเหนือจากไฟหลัก ควรมีไฟซ่อนใต้เคาน์เตอร์หรือหลังกระจกเพื่อสร้างมิติและบรรยากาศเหมือนสปา
โทนสีที่ไร้กาลเวลา: สีขาว เทา หรือเบจ ยังคงเป็นสียอดนิยมที่ทำให้ห้องน้ำดูสว่างและกว้างขวางอยู่เสมอ

3. วิธี "เลือกใช้สุขภัณฑ์ห้องน้ำ" แบบมือโปร
หัวใจสำคัญของห้องน้ำยุคใหม่คือการ เลือกใช้สุขภัณฑ์ห้องน้ำ ที่มีนวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
สุขภัณฑ์แบบแขวนผนัง: นอกจากจะดูทันสมัยแล้ว ยังช่วยให้ทำความสะอาดพื้นห้องน้ำได้ทั่วถึง ไม่เป็นที่สะสมของฝุ่น
ก๊อกน้ำและฝักบัวระบบสัมผัส: ช่วยลดการสัมผัสโดยตรง เพิ่มสุขอนามัยที่ดีและดูสมาร์ท
การเลือกวัสดุผิวสัมผัส: สุขภัณฑ์ที่มีการเคลือบสารยับยั้งแบคทีเรียและผิวเรียบลื่นพิเศษ จะช่วยลดการเกิดคราบน้ำและคราบหินปูนได้เป็นอย่างดี

พื้นที่แห่งความสุขเริ่มต้นที่ห้องน้ำการลงทุนกับ ห้องน้ำดีไซน์ใหม่ทันสมัย คือการลงทุนกับความสุขในทุกวันไม่ว่าจะเป็นการเลือกแบบห้องน้ำที่ถูกใจ หรือพิถีพิถันในการ เลือกใช้สุขภัณฑ์ห้องน้ำที่มีคุณภาพ ทุกรายละเอียดจะรวมกันเป็น ห้องน้ำสวยน่าใช้ ที่เพิ่มมูลค่าให้กับบ้านและสร้างความผ่อนคลายให้กับจิตใจได้อย่างแท้จริง
4
ขั้นตอน สร้างรายได้จากการขายของกิน สร้างอาชีพได้ ขายดี กำไรดีงาม

การสร้างรายได้จากการขายของกินเป็นอาชีพที่น่าสนใจและสามารถสร้างรายได้ที่ดีได้หากมีการวางแผนและการจัดการที่ดี ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนและเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นธุรกิจอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ:

1. สำรวจความถนัดและความสนใจ:

ค้นหาเมนูที่ถนัด: เลือกเมนูอาหารที่คุณมีความเชี่ยวชาญและมั่นใจในรสชาติ เพื่อรักษาคุณภาพของอาหาร
ศึกษาตลาดและความต้องการ: สำรวจความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ของคุณ เพื่อเลือกเมนูที่ได้รับความนิยมและมีโอกาสในการขายสูง

2. วางแผนธุรกิจ:

กำหนดกลุ่มเป้าหมาย: ระบุกลุ่มลูกค้าที่คุณต้องการเข้าถึง เช่น คนทำงาน นักเรียน นักศึกษา หรือคนรักสุขภาพ
สร้างแบรนด์: พัฒนาชื่อร้าน โลโก้ และเอกลักษณ์ของแบรนด์ เพื่อสร้างความน่าจดจำ
เลือกช่องทางการขาย: พิจารณาช่องทางการขายที่เหมาะสม เช่น ออนไลน์ (แอปพลิเคชันเดลิเวอรี่, โซเชียลมีเดีย) หรือออฟไลน์ (ตลาดนัด, จัดส่งตามออเดอร์)
กำหนดราคา: กำหนดราคาที่เหมาะสมกับต้นทุนและตลาด เพื่อให้ได้กำไรที่เหมาะสม
วางแผนการตลาด: กำหนดกลยุทธ์การตลาดเพื่อโปรโมทร้านค้าของคุณ เช่น การใช้รูปภาพและวิดีโอที่น่าสนใจ การจัดโปรโมชั่น หรือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า

3. เตรียมความพร้อม:

จัดเตรียมอุปกรณ์และสถานที่: ตรวจสอบและเตรียมอุปกรณ์ทำอาหารให้พร้อมใช้งาน และจัดเตรียมสถานที่ทำอาหารให้สะอาดและถูกสุขอนามัย
จัดหาวัตถุดิบ: เลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดีและสดใหม่ เพื่อให้ได้รสชาติอาหารที่ดีที่สุด
บรรจุภัณฑ์: เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่สะอาด ปลอดภัย และสวยงาม เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า
ขอใบอนุญาต (ถ้ามี): ตรวจสอบข้อกำหนดและขอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับการทำอาหารขายในบ้าน

4. เริ่มต้นธุรกิจ:

ทำอาหารและขาย: เริ่มต้นทำอาหารและขายตามแผนที่วางไว้
รับฟังความคิดเห็น: รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากลูกค้า เพื่อปรับปรุงคุณภาพและบริการ
พัฒนาตัวเอง: พัฒนาทักษะการทำอาหารและการจัดการธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
จัดการการเงิน: จัดการรายรับรายจ่ายอย่างเป็นระบบ และวิเคราะห์ผลกำไรเพื่อปรับปรุงธุรกิจ

ตัวอย่างเมนูอาหารที่น่าสนใจ:

อาหารตามสั่ง (เช่น ข้าวผัด, กะเพรา, ผัดซีอิ๊ว)
อาหารคลีน/อาหารเพื่อสุขภาพ (เช่น สลัด, อาหารกล่อง, น้ำผักผลไม้)
ขนมโฮมเมด (เช่น เค้ก, คุกกี้, ขนมไทย)
อาหารว่าง/ของทานเล่น (เช่น ลูกชิ้นทอด, ไก่ทอด, ขนมปังปิ้ง)

เคล็ดลับเพิ่มเติม:

สร้างความแตกต่าง: คิดค้นสูตรอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ หรือใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ
ทำการตลาด: ใช้โซเชียลมีเดียในการโปรโมทร้านค้า และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
จัดการต้นทุน: ควบคุมต้นทุนวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายอื่นๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
พัฒนาตัวเอง: เรียนรู้และปรับปรุงธุรกิจของคุณอย่างต่อเนื่อง
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการเริ่มต้นธุรกิจอาหารของคุณ
6
เทรนด์สไตล์วินเทจ มินิมอลกำลังมา! อีกของขวัญสุดเก๋ไก๋อย่าง โคมไฟตั้งโต๊ะ

การเลือก โคมไฟตั้งโต๊ะ เป็นของขวัญที่เก๋ไก๋และตรงตามเทรนด์วินเทจ มินิมอลที่กำลังมาแรง เป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยมมากค่ะ! โคมไฟไม่ใช่แค่ให้แสงสว่าง แต่ยังเป็นของตกแต่งที่ช่วยสร้างบรรยากาศและสะท้อนรสนิยมของเจ้าของบ้านหรือโต๊ะทำงานได้เป็นอย่างดี ลองดูเคล็ดลับในการเลือกโคมไฟตั้งโต๊ะให้ถูกใจผู้รับกันนะคะ


1. พิจารณาจากสไตล์การแต่งบ้าน/โต๊ะทำงานของผู้รับ

เพื่อให้ของขวัญเข้ากับผู้รับมากที่สุด การเลือกสไตล์โคมไฟให้ตรงกับสไตล์การตกแต่งของเขาเป็นสิ่งสำคัญค่ะ

สไตล์วินเทจ (Vintage):

ลักษณะ: เน้นความคลาสสิก ย้อนยุค มีกลิ่นอายของเก่า

โคมไฟที่เหมาะสม:

วัสดุ: โลหะรมดำ ทองเหลือง ไม้เก่า แก้วสีชา หรือแก้วลวดลาย

รูปทรง: โคมไฟที่มีฐานเป็นเหล็กดัด โคมไฟที่มีโป๊ะแก้วทรงกลม ทรงกระบอก หรือทรงดอกไม้ โคมไฟที่ดูเหมือนของเก่าเก็บ

หลอดไฟ: อาจเลือกใช้หลอดไฟ Edison (หลอดไส้แบบโบราณ) เพื่อเพิ่มความวินเทจ

สไตล์มินิมอล (Minimalist):

ลักษณะ: เน้นความเรียบง่าย สะอาดตา เส้นสายชัดเจน ฟังก์ชันการใช้งาน

โคมไฟที่เหมาะสม:

วัสดุ: โลหะสีขาว ดำ เทา ไม้สีอ่อน หรืออะคริลิกใส

รูปทรง: โคมไฟที่มีดีไซน์เรียบง่าย เส้นตรง โค้งมนน้อยที่สุด ไม่มีลวดลายซับซ้อน

สี: สีพื้น เช่น ขาว ดำ เทา หรือสีพาสเทลอ่อนๆ

สไตล์โมเดิร์น (Modern):

ลักษณะ: เน้นความทันสมัย รูปทรงแปลกใหม่ วัสดุที่ดูพรีเมียม

โคมไฟที่เหมาะสม: อาจมีรูปทรงนามธรรม หรือมีลูกเล่นที่วัสดุ เช่น โลหะผิวมันวาว โครเมียม หรือดีไซน์ที่ดู futuristic

สไตล์สแกนดิเนเวีย (Scandinavian):

ลักษณะ: เน้นความอบอุ่น เป็นธรรมชาติ ฟังก์ชันการใช้งานสูง

โคมไฟที่เหมาะสม: ผสมผสานวัสดุไม้กับโลหะสีขาว/ดำ ดีไซน์เรียบง่าย แต่ดูอบอุ่น


2. ขนาดและการใช้งาน

ขนาด:

เล็กกะทัดรัด: เหมาะสำหรับโต๊ะทำงานที่มีพื้นที่จำกัด โต๊ะข้างเตียง หรือชั้นวางของ

ขนาดกลาง: เหมาะสำหรับโต๊ะทำงานขนาดมาตรฐาน หรือโต๊ะอ่านหนังสือ

พิจารณาจากพื้นที่: ถ้าไม่แน่ใจว่าผู้รับมีพื้นที่ขนาดไหน ควรเลือกขนาดกลางๆ ที่สามารถวางได้หลากหลาย

ฟังก์ชันการใช้งาน:

ปรับระดับแสงได้ (Dimmer): เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ปรับความสว่างได้ตามต้องการ

ปรับทิศทางแสงได้: เหมาะสำหรับโต๊ะทำงานหรือโต๊ะอ่านหนังสือ ที่ต้องการส่องสว่างเฉพาะจุด

มีช่องเสียบ USB/ที่ชาร์จไร้สาย: เพิ่มความสะดวกสบายในยุคดิจิทัล (ถ้ามีงบประมาณ)


3. วัสดุและคุณภาพ

โลหะ: แข็งแรง ทนทาน มีหลายสีและผิวสัมผัส (ด้าน, เงา, รมดำ)

ไม้: ให้ความรู้สึกอบอุ่น เป็นธรรมชาติ เหมาะกับสไตล์วินเทจและสแกนดิเนเวีย

แก้ว/อะคริลิก: ให้แสงที่นุ่มนวล หรือดีไซน์ที่ดูโปร่งใส ทันสมัย

เซรามิก: มีความหลากหลายของรูปทรงและลวดลาย เพิ่มความสวยงามและเป็นงานศิลปะ


4. ชนิดของหลอดไฟ

หลอด LED: ประหยัดไฟ อายุการใช้งานยาวนาน ให้แสงสว่างได้หลายโทนสี (Warm White, Cool White, Daylight)

หลอดไส้ (Incandescent/Edison): ให้แสงวอร์มไวท์ที่อบอุ่น เหมาะกับสไตล์วินเทจ แต่กินไฟมากกว่าและร้อนกว่า


5. งบประมาณ

โคมไฟตั้งโต๊ะมีราคาตั้งแต่ไม่กี่ร้อยบาทไปจนถึงหลักพันหรือหลายพันบาท ขึ้นอยู่กับแบรนด์ วัสดุ ดีไซน์ และฟังก์ชันการใช้งาน กำหนดงบประมาณที่เหมาะสมและเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพดีที่สุดในงบนั้น


6. การนำเสนอ

ห่อของขวัญอย่างสวยงาม: เลือกกล่องหรือกระดาษห่อที่เข้ากับสไตล์ของโคมไฟ

แนบการ์ดอวยพร: เขียนข้อความที่แสดงความใส่ใจและความปรารถนาดี เช่น "ขอให้โคมไฟนี้ช่วยเติมเต็มความอบอุ่นและสร้างแรงบันดาลใจในทุกๆ วันนะคะ"

ไอเดียเพิ่ม: อาจจะแถมหลอดไฟ LED ที่เข้ากันไปให้ด้วย เพื่อให้ผู้รับสามารถใช้งานได้ทันที

การเลือกโคมไฟตั้งโต๊ะเป็นของขวัญเป็นการมอบทั้งแสงสว่าง ความสวยงาม และบรรยากาศดีๆ ให้กับผู้รับค่ะ หวังว่าเคล็ดลับเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการเลือกของขวัญสุดเก๋ไก๋ของคุณนะคะ!
8





เจ้าของคลินิกจำนวนมากมักเจอคำถามเดิม ๆ ว่า รายได้แต่ละวันหายไปไหน ต้นทุนอะไรที่แพงเกินไป และกำไรจริงต่อเดือนเท่าไรคำตอบทั้งหมดอยู่ใน บัญชีรายรับรายจ่ายคลินิก เอกสารชุดเดียวที่จะทำให้คุณรู้ว่าเงินของคลินิกไหลเข้า–ออกอย่างไร หากคุณกำลังมองหา สำนักงานบัญชีที่ช่วยดูแลในส่วนนี้ ขอแนะนำ นรินทร์ทอง เราพร้อมบริการครบ จบ ทุกเรื่องด้านการบัญชี
อยากรู้ บัญชีรายรับรายจ่ายคลินิก ทำยังไง ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง? คลิกอ่านที่นี่

บัญชีรายรับรายจ่ายคลินิก คืออะไร


คือการบันทึกรายการรายได้และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในแต่ละวันของคลินิก ไม่ว่าจะเป็นค่าตรวจ ค่ายา ทรีตเมนต์ รวมถึงต้นทุนต่าง ๆ เช่น วัสดุแพทย์ ค่าแรง ค่าเช่า หรือค่าโฆษณา ซึ่งเป็นข้อมูลที่ทำให้คุณรู้ทันสถานะทางการเงิน เห็นจุดที่กำไรดี และเห็นจุดที่ต้องปรับลดต้นทุนทันที
ตัวอย่างรายรับ–รายจ่ายในคลินิก (แบบสรุป กระชับ)
ตัวอย่างรายรับจ่ายคลินิกเปิดใหม่
  • ค่าตรวจโรค เช่น ตรวจสิว ตรวจผิว
    ตัวอย่าง: ตรวจผิว 300 บาท

  • ค่ายา เช่น ยาทาผิว ยาปฏิชีวนะ
    ตัวอย่าง: ยาทาผิว 150 บาท

  • ทรีตเมนต์ เช่น กดสิว เลเซอร์ ฉีดผิว
    ตัวอย่าง: เลเซอร์หน้าใส 900 บาท

  • คอร์ส/แพ็กเกจ
    ตัวอย่าง: คอร์สดูแลผิว 5 ครั้ง 3,500 บาท

  • รายได้อื่น ๆ เช่น เวชสำอาง น้ำเกลือ


รายจ่ายที่ต้องบันทึก
  • วัสดุแพทย์ เช่น สำลี ถุงมือ
    ตัวอย่าง: ถุงมือ 450 บาท
  • ยาสต๊อก
    ตัวอย่าง: สั่งยาเข้าคลินิก 3,800 บาท
  • ค่าแรงพนักงาน
    ตัวอย่าง: กะละ 1,200 บาท
  • ค่าจ้างแพทย์
    ตัวอย่าง: วันละ 2,000 บาท
  • ค่าเช่าคลินิก
    ตัวอย่าง: เดือนละ 12,000 บาท
  • ค่าโฆษณา เช่น Facebook / TikTok Ads
    ตัวอย่าง: ยิงโฆษณา 300 บาท
  • ค่าระบบ เช่น เวชระเบียน ระบบจองคิว

อ่าน ตัวอย่างการบันทึกบัญชีรายรับ–รายจ่ายแบบเต็มๆ ได้ที่นี่


อธิบายเพื่อให้เจ้าของคลินิกเห็นภาพ
การสรุปบัญชีแบบนี้ทุกเดือนช่วยให้เห็นภาพรวมธุรกิจชัดเจนขึ้น เช่น
  • คลินิกกำไรหรือขาดทุนเดือนไหน
  • ค่าใช้จ่ายหมวดไหนสูงผิดปกติและควรควบคุม
  • รายได้จากบริการใดเติบโตขึ้น เช่น คอร์ส เลเซอร์ หรือทรีตเมนต์ ทำให้วางแผนการตลาดได้แม่นยำกว่าเดิม
ทำความเข้าใจการทำบัญชีรายรับ–รายจ่ายเพิ่มเติมคลิก


บัญชีรายรับรายจ่ายที่ดีช่วยให้เจ้าของคลินิกเห็นกำไรจริง



เมื่อบันทึกข้อมูลทั้งเดือนเป็นระบบ คุณจะรู้ทันทีว่า
  • รายได้จากบริการไหนทำเงินสูงสุด
  • เดือนนี้ต้นทุนสูงเพราะอะไร
  • ค่าแรงและค่าแพทย์อยู่ในระดับคุ้มค่าหรือไม่
  • ยอดโฆษณาคุ้มค่ากับลูกค้าที่เข้ามา
  • และที่สำคัญที่สุดคือ กำไรสุทธิจริงเท่าไร


การทำบัญชีอย่างถูกต้องตั้งแต่แรกช่วยให้เจ้าของคลินิกวางแผนได้เร็ว เห็นปัญหาก่อน และขยายสาขาได้ง่ายกว่าเดิม นรินทร์ทอง ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีและภาษีที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี พร้อมเป็นเกราะป้องกันทางกฎหมายให้ธุรกิจของคุณ ดูแลตั้งแต่การคำนวณ ไปจนถึงการปิดงบย้อนหลังที่ซับซ้อน พร้อมบริการเพิ่มเติมที่คุณเลือกใช้ได้ตามความต้องการเช่น
  • บริการยื่นภาษีอากร ดูแลตั้งแต่จัดเตรียมเอกสารจนถึงยื่นแบบให้เสร็จครบ
  • บริการจดทะเบียนบริษัท เพิ่มความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจโดยไม่ต้องกังวลขั้นตอน
  • งานด้านการเงิน เช่น ยื่นแบบเงินเดือนและประกันสังคมพนักงาน
  • บริการรับทำบัญชีสำหรับธุรกิจที่ต้องการความถูกต้อง ลดความผิดพลาด และช่วยวางระบบบัญชีให้มั่นคง
สำหรับใครที่ต้องการปรึกษาสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่…
Facebook : NarinthongOfficial
E-mail : narinthong.acอย่าแสดงเมลบนบอร์ด
Line : @Narinthong
Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339
9




การทำธุรกิจในปัจจุบัน เจ้าของบริษัทหลายคนอาจพบว่า วัตถุประสงค์บริษัทเดิม ที่จดทะเบียนไว้ไม่ครอบคลุมกิจกรรมใหม่ ๆ ของธุรกิจ จึงจำเป็นต้องดำเนินการ เพิ่มวัตถุประสงค์บริษัท เพื่อให้การดำเนินงานถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งบริการของ นรินทร์ทอง เราช่วยดูแลตั้งแต่การตรวจสอบวัตถุประสงค์ การจัดเตรียมเอกสาร ไปจนถึงการยื่นเรื่องอย่างครบถ้วน
สนใจอยาก เพิ่มวัตถุประสงค์บริษัท อ่านรายละเอียดการให้บริการและราคา เพิ่มเติมคลิก



[/color]เพิ่มวัตถุประสงค์ราคา


สำหรับผู้ที่สนใจ เพิ่มวัตถุประสงค์ บริษัทราคา กับเรานรินทร์ทอง ราคาเริ่มต้นเพียง 3,500 บาท สำหรับการเพิ่มวัตถุประสงค์ไม่เกิน 20 รายการ
สำหรับลูกค้าที่ต้องการความสะดวกแบบครบวงจร เรามี แพ็กเกจเหมาจ่าย 5,500 บาท ครอบคลุมการแจ้งข้อมูลเพิ่มวัตถุประสงค์กับ สำนักงานประกันสังคม และ กรมสรรพากร
* แพ็กเกจเหมาจ่าย เฉพาะพื้นกทม และ ปริมณทล *
การเพิ่มวัตถุประสงค์บริษัท ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง?คลิกอ่านที่นี่


[/color]เพิ่มวัตถุประสงค์ราคา กับนรินทร์ทองครอบคลุมบริการอะไรบ้าง



  • ตรวจสอบวัตถุประสงค์เดิมและเสนอรายการวัตถุประสงค์ใหม่
  • จัดเตรียมเอกสารสำหรับ การขอเพิ่มวัตถุประสงค์บริษัท
  • ยื่นเรื่องต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
  • ติดตามผลการอนุมัติจนสำเร็จ
  • ให้คำแนะนำเรื่องเอกสารประกอบและการปรับปรุงนโยบายบริษัท
นรินทร์ทองให้บริการครอบคลุมทุกขั้นตอน สนใจอ่านเพิ่มเติมคลิกที่นี่

[/color]ขั้นตอนการให้บริการเพิ่มวัตถุประสงค์บริษัท




[/color]ขั้นตอนที่ 1 : ออกหนังสือนัดประชุมผู้ถือหุ้น
หากตัดสินใจที่จะเพิ่มวัตถุประสงค์บริษัท ทีมงานจะแนะนำให้ ออกหนังสือนัดประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 14 วัน โดยสามารถประกาศผ่านหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น 1 ครั้ง ส่งทางไปรษณีย์ หรือมอบให้ผู้ถือหุ้นโดยตรง ในหนังสือจะระบุวาระการประชุมว่าเป็นเรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของบริษัท เช่น แก้ไขข้อ 3 ของหนังสือบริคณห์สนธิ หรือข้อบังคับของบริษัท
[/color]ขั้นตอนที่ 2 : จัดประชุมผู้ถือหุ้น
ในการประชุมผู้ถือหุ้น จะพิจารณาวาระเรื่อง เพิ่มวัตถุประสงค์บริษัท โดยต้องมีมติ เสียงข้างมากไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมด ของผู้ถือหุ้นที่เข้าร่วมประชุม หากมีเรื่องอื่นที่ต้องหารือเพิ่มเติมก็สามารถดำเนินการควบคู่ไปได้
[/color]ขั้นตอนที่ 3 : ยื่นคำขอจดทะเบียน
หลังจากประชุมผู้ถือหุ้นเรียบร้อยแล้ว กรรมการผู้มีอำนาจจะดำเนินการ ยื่นคำขอจดทะเบียนแก้ไขวัตถุประสงค์บริษัท ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ภายใน 14 วัน นับจากวันที่มีมติ เอกสารที่ใช้ประกอบการยื่น ได้แก่:
  • แบบ บอจ.1 : คำขอจดทะเบียนบริษัทจำกัด
  • แบบคำรับรองการจดทะเบียนบริษัทจำกัด
  • แบบ บอจ.4 : รายการจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติม และ/หรือมติพิเศษ
  • แบบ ว. : ระบุวัตถุประสงค์ทั้งหมดที่แก้ไข
  • หนังสือบริคณห์สนธิฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
  • แบบ สสช.1 : กรอกเฉพาะข้อที่ 1 และ 6
  • สำเนาบัตรประจำตัวของกรรมการผู้ลงชื่อ
  • สำเนาหลักฐานการเป็นผู้รับรองลายมือชื่อ (ถ้ามี)
  • หนังสือมอบอำนาจ (กรณีดำเนินการแทนกรรมการ)
[/color]ขั้นตอนที่ 4 : แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เฉพาะแพ๊คเกจเหมาจ่าย)
[/color]กรมสรรพากร
  • หากบริษัทจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หลังยื่นคำขอเพิ่มวัตถุประสงค์แล้ว ต้องยื่น แบบ ภ.พ.09 เพื่อแก้ไขประเภทกิจการภายใน 15 วัน นับจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลง เพื่ออัปเดตข้อมูลให้ถูกต้อง
[/color]สำนักงานประกันสังคม
  • หากบริษัทขึ้นทะเบียนนายจ้างไว้ และวัตถุประสงค์ใหม่เกี่ยวข้องกับรายได้รวมหรือเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนประจำปี ต้องยื่น แบบ สปส.6-15 ภายใน วันที่ 15 ของเดือนถัดไป


[/color]สรุป เพิ่มวัตถุประสงค์ราคา
หากคุณกำลังมองหา การเพิ่มวัตถุประสงค์บริษัท ที่ง่าย รวดเร็ว และคุ้มค่า ติดต่อเราวันนี้เพื่อประเมิน ราคาเพิ่มวัตถุประสงค์บริษัท และเริ่มต้นบริการกับเรา นรินทร์ทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีและภาษีที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี เราพร้อมเป็นเกราะป้องกันทางกฎหมายให้ธุรกิจคุณ  อีกทั้งยังมีบริการให้คุณได้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโต และมีประสิทธิภาพในการก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็น

  • รับจดทะเบียนบริษัท
เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทของคุณ โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการจดทะเบียน เพราะเราสามารถช่วยคุณได้
  • งานทางด้านการเงิน
จะเป็นการดำเนินเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการยื่นแบบเงินเดือน และประกันสังคมของพนักงานที่ทำงานอยู่ภายในบริษัท
  • ให้บริการรับทำบัญชี
หากใครที่กำลังรู้สึกว่าการทำบัญชีนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมากมายภายในบริษัท ทางเราพร้อมที่จะดูแลคุณ
สำหรับใครที่ต้องการปรึกษาสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่…
Facebook : NarinthongOfficial
E-mail : narinthong.ac@gmail.com
Line : @Narinthong
Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339
10




][bการเปลี่ยนที่อยู่บริษัท เป็นขั้นตอนสำคัญที่เจ้าของกิจการต้องดำเนินการให้ถูกต้อง แต่เมื่อมีเหตุจำเป็นให้ต้องเปลี่ยน หลายคนอาจสงสัยว่า เปลี่ยนที่อยู่บริษัทราคา เท่าไหร่ และควรทำอย่างไรให้สะดวก รวดเร็ว? ที่ นรินทร์ทอง เราให้บริการเปลี่ยนที่อยู่บริษัทครบวงจร พร้อมคำแนะนำที่เข้าใจง่าย เพื่อให้เจ้าของกิจการมั่นใจได้ว่าการเปลี่ยนที่อยู่จะถูกต้องตามกฎหมายและไม่ยุ่งยาก
เปลี่ยนที่อยู่บริษัทราคา เท่าไหร่? ทำความเข้าใจรายละเอียดและราคาเพิ่มเติมอ่านที่นี่



เปลี่ยนที่อยู่บริษัทราคา



บริการเปลี่ยนที่อยู่บริษัทของเรา เริ่มต้น 3,500 บาท สำหรับการเปลี่ยนที่อยู่ ไม่เกิน 1 แห่ง
สำหรับลูกค้าที่ต้องการความสะดวกแบบครบวงจร เรามี แพ็กเกจเหมาจ่าย 5,500 บาท ครอบคลุมการให้คำปรึกษา เตรียมเอกสาร และแจ้งข้อมูลการเปลี่ยนที่อยู่กับ สำนักงานประกันสังคม และ กรมสรรพากร
* แพ็กเกจเหมาจ่าย เฉพาะพื้นกทม และ ปริมณทล *


ครอบคลุมบริการอะไรบ้าง



1.ให้คำปรึกษาเบื้องต้น
–อธิบายขั้นตอนการแจ้งเปลี่ยนที่อยู่บริษัท
– แจ้งเอกสารที่ต้องเตรียมทั้งสำหรับ DBD, ประกันสังคม และ กรมสรรพากร
2. จัดเตรียมและดำเนินการเอกสารกับหน่วยงานต่าง ๆ
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD)
– จัดทำเอกสารและยื่นคำขอเปลี่ยนที่อยู่บริษัท
– ติดตามผลการอนุมัติและแจ้งผลให้ลูกค้าทราบทันที
สำนักงานประกันสังคม (แพ็กเกจเหมาจ่าย)
– แจ้งและอัปเดตข้อมูลที่อยู่ใหม่ของบริษัท เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายแรงงาน
– ช่วยแก้ไขข้อมูลนายจ้าง/สถานประกอบการ
กรมสรรพากร (แพ็กเกจเหมาจ่าย)
– แจ้งเปลี่ยนแปลงสถานประกอบการ (ที่อยู่บริษัท) กับสำนักงานสรรพากรพื้นที่
– อัปเดตข้อมูลใน ภพ.09 หรือแบบฟอร์มที่เกี่ยวข้อง
– ตรวจสอบผลกระทบด้านภาษี เช่น พื้นที่สรรพากรที่เปลี่ยนไป, เขตอำนาจสรรพากรใหม่
– แนะนำการปรับปรุงข้อมูลในระบบ e-Filing, ภ.พ.30, ภงด. ต่าง ๆ ให้ถูกต้องตามที่อยู่ใหม่
– ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเอกสารภาษี เช่น ใบกำกับภาษี ที่ต้องระบุที่อยู่ใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมาย
3 .ให้คำแนะนำหลังจากเปลี่ยนแปลงที่ตั้งบริษัท พร้อมอธิบายเอกสารที่ต้องแก้ไขหรือปรับปรุงภายในบริษัท เช่น:
– หนังสือรับรองบริษัท
– สมุดบัญชีธนาคาร
– สัญญาเช่า หรือสัญญาธุรกิจต่าง ๆ


ทำไมควรเปลี่ยนที่ตั้งกับนรินทร์ทอง


ข้อดีเมื่อใช้บริการกับเรา:
  • ]รวดเร็วและถูกต้องตามกฎหมาย
  • ]บริการครบวงจร
  • ]ราคาโปร่งใส
  • ]คำแนะนำมืออาชีพทั้งก่อนและหลังการเปลี่ยนที่อยู่
  • ]ประหยัดเวลาและลดความยุ่งยาก
อยากรู้ใช้บริการกับเรา นรินทร์ทอง มีข้อดีอะไรบ้างคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่


สรุป เปลี่ยนที่อยู่บริษัทราคา
การเปลี่ยนที่อยู่บริษัทกับ นรินทร์ทอง เริ่มต้น 3,500 บาท สำหรับการเปลี่ยนไม่เกิน 1 แห่ง เราช่วยให้คำปรึกษา เตรียมเอกสาร และแนะนำการปรับปรุงเอกสารภายในบริษัท นรินทร์ทองผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีและภาษีที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี เราพร้อมเป็นเกราะป้องกันทางกฎหมายให้ธุรกิจคุณ  เราไม่เพียงแค่ช่วย คำนวณและจัดการการปิดงบย้อนหลังที่ซับซ้อน แต่เรายังมีบริการให้คุณได้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโต และมีประสิทธิภาพในการก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็น
  • การส่งภาษีอากร
ทางเราสามารถยื่นภาษีให้ได้ โดยที่คุณไม่ต้องยุ่งยากกับการจัดเตรียมเอกสาร รวมไปถึงรับจัดทำรายงาน และให้คำปรึกษาทางด้านภาษี
  • รับจดทะเบียนบริษัท
เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทของคุณ โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการจดทะเบียน เพราะเราสามารถช่วยคุณได้
  • งานทางด้านการเงิน
จะเป็นการดำเนินเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการยื่นแบบเงินเดือน และประกันสังคมของพนักงานที่ทำงานอยู่ภายในบริษัท
  • ให้บริการรับทำบัญชี
หากใครที่กำลังรู้สึกว่าการทำบัญชีนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมากมายภายในบริษัท ทางเราพร้อมที่จะดูแลคุณ
สำหรับใครที่ต้องการปรึกษาสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่…
Facebook : NarinthongOfficial
E-mail : narinthong.ac@gmail.com
Line : @Narinthong
Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339
หน้า: [1] 2 3 ... 10